ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หุ้นเทคโนฯ-สินค้าโภคภัณฑ์หนุนตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร (15 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐได้หนุนความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนต่อ ๆ ไป

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 434.44 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด หรือ +0.37%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,641.66 จุด เพิ่มขึ้น 32.49 จุด หรือ +0.49%,
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,378.51 จุด เพิ่มขึ้น 65.21 จุด หรือ +0.46% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,369.44 จุด ลดลง 15.73 จุด หรือ -0.21%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่อ่อนแอกว่าคาดของสหรัฐเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อกำลังเริ่มที่จะลดลง

รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยพุ่งขึ้น 1.7% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนลดลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนประจำเดือนต.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้

นายฟรังซัวส์ วิลเลอรอย เด กัลเฮา ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า ECB คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหนือระดับ 2% แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยเหนือระดับดังกล่าวนั้นอาจจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นและในอัตราที่ชะลอลง

ดัชนี STOXX 600 ยังคงปรับตัวอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ แต่ก็ยังลดลง 11.3% ในรอบปีนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซน

ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้การคาดการณ์เบื้องต้นสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนขยายตัวตามคาดในไตรมาส 3 และความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีเพิ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนพ.ย.จากความหวังว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเร็ว ๆ นี้

นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยงบประมาณของอังกฤษในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับขึ้นภาษีและลดการใช้จ่ายเพื่อปิดยอดขาดดุลงบประมาณ 5 หมื่นล้านปอนด์

หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ และกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้นมากกว่า 1%

หุ้นเทเลเพอร์ฟอร์มานซ์ บริษัทให้บริการสนับสนุนสำนักงานของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 10% หลังซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “คงน้ำหนักการลงทุน”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ย. 65)

Tags: ,
Back to Top