หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามภูมิภาค ขานรับเฟดส่งสัญญาณชะลอเร่งขึ้นดอกเบี้ย-คาดหวังจีนเปิดปท.

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียตอบรับถ้อยแถลงเฟด ชะลอการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งนับเป็นการขึ้นในอัตราที่ลดลงในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา และจีนปรับมาตราการคุมโควิด-19 ให้ผ่อนคลายมากขึ้น ให้แนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,640-1,650 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ตอบรับถ้อยแถลงประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมเฟดกลางเดือนธ.ค.นี้ โดยจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้สินทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน, cryptocurrency หลังค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลง รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ปรับตัวลงมาด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดอยู่ที่ 3.6% ทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 2 เดือน

ขณะเดียวกันประเทศจีน มีการปรับมาตรการควบคุมโควิด-19 ให้มีความผ่อนคลายมากขึ้น และยังคาดหวังการเปิดประเทศได้อยู่ในปีหน้า ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนเช้านี้บวกมาได้ 1%

ให้แนวรับไว้ที่ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,640-1,650 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (30 พ.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,589.77 จุด พุ่งขึ้น 737.24 จุด หรือ +2.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,080.11 จุด เพิ่มขึ้น 122.48 จุด หรือ +3.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,468.00 จุด พุ่งขึ้น 484.22 จุด หรือ +4.41%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,273.13 จุด เพิ่มขึ้น 304.14 จุด หรือ +1.09%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,058.90 จุด เพิ่มขึ้น 461.67 จุด หรือ +2.48% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,187.99 จุด เพิ่มขึ้น 36.65 จุด หรือ +1.163%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 พ.ย.65) 1,635.36 จุด เพิ่มขึ้น 10.97 จุด, +0.68%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,345.38 ลบ.เมื่อวันที่ 30 พ.ย.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (30 พ.ย.) พิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์ หรือ 3.01% ปิดที่ 80.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 พ.ย.) อยู่ที่ 7.17 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.05 แนวโน้มแข็งค่า รับดอลลาร์อ่อนค่าหลังเฟดส่งสัญญาณชะลอเร่งขึ้นดบ.

– กนง.มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 1.25% ลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือ 3.2% และปีหน้าเหลือ 3.7% พิษเศรษฐกิจโลกทรุด อึ้ง! ค่าไฟพุ่งดันเงินเฟ้อปีหน้าพุ่งพรวดแตะ 3% แต่ยืนยันดอกเบี้ยยังขึ้นค่อยเป็นค่อยไป แนะครัวเรือนเปราะบางรับต้นทุนพุ่ง แนะคิดก่อนกู้เงิน

– นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ไม่เห็นด้วยเก็บภาษีหุ้นในอัตรา 0.1%เพราะจะกระทบต่อสภาพคล่องของการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยแน่นอน และหากสภาพคล่องในตลาดลดลงหรือไม่น่าสนใจจะทำให้การระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนทำได้ยากขึ้น และราคาหุ้นจะไม่สะท้อนพื้นฐานของแต่ละบริษัท อีกทั้งอาจทำให้ความคุ้มค่าด้านการลงทุนในสายตานักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนไป เพราะปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายรายวันประมาณ 40-50% มาจากนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อขายในปริมาณสูงและจ่ายค่าธรรมเนียมค่อนข้างต่ำแต่ช่วยเสริมสภาพคล่องในตลาดและทำให้ตลาดมีความน่าสนใจ

– Fitch Ratings คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือในระดับมีเสถียรภาพ คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโต 3.3% และเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% ในปีหน้าสูงกว่ากลุ่มประเทศที่มีอันดับเครดิตระดับเดียวกันที่มีค่าเฉลี่ย 2% ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือการฟื้นตัวอย่างมากของภาคการท่องเที่ยว ตลอดจนอุปสงค์ภายในประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐและอัตราเงินเฟ้อผ่อนคลาย

 

หุ้นเด่นวันนี้

– CRC (โกลเบล็ก) “ซื้อ” Bloomberg Consensus 46 บาท กลุ่ม re-opening และมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มไตรมาส 4/65 ไฮซีซั่นปลายปีที่มีปัจจัยสนับสนุนจากภาพรวมท่องเที่ยวในประเทศดีขึ้น และนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นสนับสนุนการเติบโตของ SSSG และเป้ายอดขายปี 65 โต 20% การขายสินค้า Omni Channel มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องในสถานการณ์ new normal และปี 66 มีโอกาสเติบโตดีต่อเนื่อง 9 เดือนแรกพลิกมากำไรจากขาดทุน Bloomberg Consensus คาดไตรมาส 4/65 กำไร เฉลี่ย 1,479 ล้านบาท -38%YoY +26%QoQ และปี 65 เฉลี่ย 6,169 ล้านบาทเติบโตสูงจากกำไรเพียง 59 ล้านบาทในปี 64 และเติบโตต่อเนื่อง 36% เป็น 8,395 ล้านบาทในปี 66

– MAKRO (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 42 บาท แนวโน้มไตรมาส 4/65-ปี 66 ฟื้นตัวแกร่งตามทิศทางเศรษฐกิจหนุนผลประกอบการทั้ง Makro และ Lotus’s เร่งตัว ส่วน Free Float ที่เพิ่มขึ้นเป็น 15% หลังรายการ Big Lot เป็น Catalyst บวกจากโอกาสถูกหยิบเข้าคำนวณ MSCI Rebalance รอบเดือน ก.พ. 66 รวมถึงโอกาสเข้าคำนวณใน ESG Index ในอนาคต

– AMATA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 24.5 บาท ยอดขายที่ดินในนิคมฯ ชลบุรีเร่งตัวขึ้นแตะ 100 ไร่ (ปกติ 30-50 ไร่ต่อปี) ส่งผลดีโดยตรงต่อรายได้และกำไรของ AMATA เนื่องจากมีราคาขายสูงกว่านิคมระยอง 3 เท่าและมี Margin สูงกว่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ธ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top