SVI วิ่งแรง 15.90% ผู้บริหารวางเป้าปี 66 ดันรายได้โตพุ่งเป็น 3 หมื่นลบ.ลุยขยายตลาดจีน

SVI ราคาพุ่ง 15.90% หรือ เพิ่มขึ้น 1.55 บาท มาที่ 11.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 190.60 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.36 น. จากราคาเปิด 9.95 บาท ราคาสูงสุด 11.40 บาท ราคาต่ำสุด 9.90 บาท

นายสมชาย สิริปัญญานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสวีไอ (SVI) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 66 เติบโตเป็น 30,000 ล้านบาท จากปีนี้คาดว่าจะทำได้กว่า 26,000 ล้านบาท ตามการเติบโตของลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับระบบควบคุมอุตสาหกรรม อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายไร้สาย และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมอยู่ในเมกะเทรนด์ของโลก ทำให้ฐานลูกค้าเดิมของบริษัทมีออเดอร์เพิ่มขึ้น

ขณะที่บริษัทพร้อมนำศักยภาพและประสิทธิภาพการผลิตจากฐานการผลิตที่กระจายอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์สำคัญด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ ได้แก่ ไทย กัมพูชา สโลวาเกีย ออสเตรียและฮังการี เพื่อตอบสนองความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรมให้แก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น SVI ได้ขยายกำลังการผลิตโรงงานในกัมพูชาเกือบ 3 เท่า และเพิ่มกำลังการผลิตอีกเกือบ 2 เท่าที่ฐานการผลิตในสโลวาเกีย เพื่อรองรับลูกค้าใหม่ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากจีนเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งความต้องการการย้ายฐานการผลิตเกิดจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าจีนกับสหรัฐ รวมไปถึงความกังวลต่อประเด็นการดำเนินนโยบาย Zero Covid Policy ของภาครัฐทำให้เกิดความเสี่ยงของ Supply Chain Disruption โดยฐานการผลิตทั้ง 2 แห่งเสร็จเพื่อเตรียมพร้อมรองรับออเดอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน SVI จะเร่งขยายตลาดและฐานลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตลาดประเทศจีน ที่ได้เข้าไปตั้งทีมขายเพื่อนำเสนอศักยภาพด้านการผลิตให้ลูกค้า เพื่อใช้ประโยชน์จากประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาเช่นกัน ทำให้ SVI นำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันด้านยุทธศาสตร์ทำเลที่ตั้งของฐานการผลิตเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

ตลอดจนการนำศักยภาพด้านการผลิตเพื่อบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าปัจจัยลบจากการขาดแคลนวัตถุดิบผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์จะมีแนวโน้มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้นก็ตาม จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นและอัตราการทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องระหว่างที่กลยุทธ์ของบริษัทฯ จะสามารถทำให้ยอดขายโตขึ้นปีละ 15%-20%

“เรามุ่งเน้นสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยนำความสามารถด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการภาคธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าหรืออุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายไร้สาย ซึ่งยังขยายตัวเติบโตได้อีกมาก ประกอบกับปัจจัยการขาดแคลนวัตถุดิบผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์มีทิศทางที่ดีขึ้น จะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”

นายสมชาย กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ธ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top