หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งลงตามภูมิภาค จับตารายย่อยนัดหยุดเทรดค้านเก็บภาษีขายหุ้น

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งไซด์เวย์ดาวน์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาค กังวลเศรษฐกิจถสหรัฐดถอย และเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องรวมถึงราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อ กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง อีกทั้งวันนี้นักลงทุนรายย่อยนัดรวมตัวหยุดเทรดหุ้น 1 วัน เพื่อคัดค้านการเก็บภาษีขายหุ้นของรัฐ คาดกระทบมูลค่าซื้อขาย ให้แนวรับ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งไซด์เวย์ดาวน์ คล้ายตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากนักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย เห็นได้จากส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี และ 10 ปี ติดลบมากขึ้น สะท้อนความกังวลในเรื่องดังกล่าว ประกอบกับยังกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังออกมาดี

อีกทั้งราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปีนี้ติดลบไปแล้ว เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืน (7 ธ.ค.)อยู่ที่ระดับ 72 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งจะกระทบกับหุ้นกลุ่มพลังงานอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ วันนี้นักลงทุนรายย่อย นัดรวมตัวหยุดเทรด หรือหยุดซื้อขายหุ้น 1 วัน เพื่อคัดค้านมาตรการจัดเก็บภาษีการขายหุ้น 0.1% ของกระทรวงการคลัง มองว่าจะกระทบกับมูลค่าซื้อขายได้ เนื่องจากการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของมูลค่าการซื้อขายรวม

อย่างไรก็ตาม แนะการลงทุนวันนี้ใช้กลยุทธ์ตั้งรับ ให้แนวรับ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (7 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,597.92 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด หรือ +0.005%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,933.92 จุด ลดลง 7.34 จุด หรือ -0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,958.55 จุด ลดลง 56.34 จุด หรือ -0.51%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,622.30 จุด ลดลง 64.10 จุด หรือ -0.23%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,965.05 จุด เพิ่มขึ้น 150.23 จุด หรือ +0.80% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,196.02 จุด ลดลง 3.60 จุด หรือ -0.11%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ธ.ค.65) 1,622.28 จุด ลดลง 10.69 จุด, -0.65%
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,359.01 ลบ.เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (7 ธ.ค.) ลดลง 2.24 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 72.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2564
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ธ.ค.) อยู่ที่ 6.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.90 คาดกรอบวันนี้ 34.75-35.00 ตลาดรอปัจจัยใหม่
  • “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลังในรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” เดินหน้าขยี้ตลาดหุ้น ลั่น!เก็บภาษีขายหุ้นแน่ ไม่สนรายย่อยประท้วงหยุดเทรดวันนี้ รวมถึงบุคคลในวงการตลาดทุน นักวิชาการที่ออกมาค้าน พร้อมบอกเป็นนัย “สะดวกแบบนี้” ด้าน TDRI เผยรัฐได้เงิน 1-2 หมื่นล้านบาท แต่มูลค่าหลักทรัพย์ตลาดหุ้นเกือบ 20 ล้านล้านบาทต้องพัง! ส่วนความเห็นรายย่อยในโซเชียลยังเดือด บอกนี่คือการไล่ออกจากอาชีพเทรดเดอร์
  • “กกร.” ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2566 GDP ยังโตได้ต่อ 3-3.5% ส่งออกโต 1-2% เงินเฟ้อ 2.7-3.2% โดยได้รับแรงหนุนจากท่องเที่ยวฟื้นตัวแต่ยังมีข้อจำกัดเศรษฐกิจโลกถดถอย เตรียมยื่นหนังสือถึงกระทรวงพลังงานตรึงค่าไฟงวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย. 66) ไว้ที่ 4.72 บาทต่อหน่วยสัปดาห์นี้หวั่นซ้ำเติม ศก.ที่กำลังฟื้นตัว ติงนโยบายหาเสียงขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ต่อวันไม่ใช่เวลายันต้องผ่านกลไกไตรภาคี ด้าน “ขุนคลัง” มั่นใจปีนี้ ศก.ไทย โต 3.2% ปีหน้า 3.8%
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน พ.ย.65 เท่ากับ 107.92 เทียบกับเดือน ต.ค.65 ลดลง 0.13% แต่เทียบกับเดือน พ.ย.64 เพิ่มขึ้น 5.55% เป็นการชะลอตัวลง 3 เดือนติดต่อกัน หลังจากเคยขึ้นไปสูงสุดเมื่อเดือน ส.ค.ที่ 7.86% จากนั้นเดือน ก.ย.ชะลอตัวลงเป็นเดือนแรก มาอยู่ที่เพิ่มขึ้น 6.41% และเดือน ต.ค. เหลือเพิ่ม 5.98% ตามการชะลอตัวของสินค้าในกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด เนื้อสัตว์ เครื่องประกอบอาหาร และผลจากมาตรการกำกับดูแลราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ ส่วนเฉลี่ย 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ปี 65 เพิ่มขึ้น 6.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2566 ททท.ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ กรณีฐาน 18 ล้านคน และถ้ารัฐบาลจีนเปิดให้ชาวจีนเดินทางระหว่างประเทศได้จะไปสู่เป้าหมายกรณีดีที่สุดที่ 25 ล้านคน โดยสัญญาณจากจีนขณะนี้เป็นไปในทิศทางที่ดีเชื่อว่าจะเริ่มเปิดประเทศปลายไตรมาส 1/2566 หรือปลายเดือน มี.ค. จึงมีเวลา 9 เดือนที่นักว่าจะเริ่มเปิดประเทศปลายไตรมาส 1/2566 หรือปลายเดือน มี.ค. จึงมีเวลา 9 เดือนที่นักท่องเที่ยวจีนจะมาเที่ยวไทย ซึ่งคาดว่าจะได้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน 1.5 ล้านคนในปีหน้า จากนั้นปี 2567 เมื่อนักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาอย่างเต็มที่ ตลอดทั้งปีก็จะเกิด Great Resumption หรือการฟื้นฟูอย่างยิ่งใหญ่ ของธุรกิจท่องเที่ยวไทย

หุ้นเด่นวันนี้

  • DITTO (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 70.00 บาท Backlog แข็งแกร่งที่ 1 พัน ลบ. การจับมือกับ TEAMG ช่วยยกระดับการรับงานในระดับ 4-5 พัน ลบ. ล่าสุดร่วมกันตั้ง DTX (บริษัทร่วม) พร้อมตั้งเป้ารายได้ของ บ. ร่วมนี้ 400 ลบ. ใน 5 ปี
    จาก Backlog ที่มีและงานที่เตรียมประมูลใน Pipeline (งานมูลค่า 4-5 พัน ลบ.) รายได้และแนวโน้มกำไรปี 66-67 มีโอกาสเติบโตก้าวกระโดด และติดตามการประมูลงาน E-Document และ Data Management กลุ่ม อบต.-อบจ. กลุ่มนี้มีศักยภาพส่วนและมีฐานลูกค้าจำนวนมากให้ Bidding (อบจ. 77 จังหวัด และ อบต. 5,765 แห่ง) มูลค่างานขึ้นอยู่กับ Scale ตั้งแต่ 5 แสน- 4 ล้านบาท งานมาร์จิ้นดี ระยะเวลาส่งมอบเร็ว
  • SISB (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 23.70 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/65 น่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อ เบื้องต้นคาดที่ 120 ลบ. +21%Q-Q, +352%Y-Y จากทั้งจำนวนนักเรียนที่ปรับขึ้น รวมถึงค่าเทอมใหม่ที่ปรับขึ้นเต็มไตรมาส
    ปรับประมาณการกำไรปี 2566 ขึ้น 10% เป็น +53% Y-Y จากแนวโน้มจำนวนนักเรียนและค่าเทอมเฉลี่ยที่ดีกว่าที่เราคาดหลังผู้บริหารปรับเป้าขึ้น เป็นบวกต่อ Margin ในระยะยาว ยังคงเป็นหุ้น Growth และ Defensive ที่เราชอบ
  • BEM (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 11.50 บาท กำไรเป็นขาขึ้นตามจำนวนผู้โดยสารที่เร่งตัวขึ้นจากการเปิดเมือง และมี Upside จากการเปิดประมูลทางด่วน 2 ชั้น (Double deck) ซึ่ง BEM เป็นเต็ง 1 คาดเพิ่มมูลค่าให้ BEM 1.45 บาท (เรายังไม่รวมไว้ในประมาณการณ์)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ธ.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top