หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าไซด์เวย์ จับตาเงินเฟ้อจีนหลังเปิดประเทศ-กังวลดอกเบี้ยสหรัฐ

นักวิเคราะห์ คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังขึ้นต่อจากวานนี้ที่รับผลบวกจากจีนเปิดประเทศ ทำให้มีเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้ามาตลาด และยังเปิด long ในตลาด TFEX เข้าเก็งกำไรหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและหุ้นกลุ่มที่มีการค้าขายกับจีน และคาดว่าจีนน่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน ให้แนวต้านหลักที่ 1,650 จุด แนวรับที่ 1,630 จุด อย่างไรก็ดี เช้านี้ตลาดหุ้นโลกไม่สดใส ตลาดกังวลจีนเปิดประเทศจะเร่งเงินเฟ้อสูงขึ้น Bond Yield ขยับขึ้น ดอลลาร์แข็งค่าก็ทำให้กลับมากังวลอัตราดอกเบี้ยเร่งตัวขึ้น

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้เหวี่ยงขึ้นต่อจากวานนี้ รับโมเมนตัมจากวานนี้จากที่จีนเปิดประเทศ โดยเห็นเม็ดเงินต่างประเทศ (Fund Flow) เข้ามามากและยังเปิด long ในตลาด TFEX และคาดว่าจีนน่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน ดังนั้นหุ้นท่องเที่ยวและหุ้นที่มีการค้ากับจีนก็ยังมีแรงเก็งกำไรเข้ามา

ให้แนวต้านหลักที่ 1,650 จุด แนวรับที่ 1,630 จุด

ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส คาด SET Index กลับมาแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,630-1,645 จุดหลังจากปรับขึ้นแรงวานนี้จากประเด็นจีนที่ยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ

ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับไม่สดใสนัก มีความกังวลว่าการเปิดประเทศของจีนจะเร่งให้เงินเฟ้อขยับสูงขึ้น ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) วานนี้ขยับขึ้น เงินดอลลาร์แข็งค่า ตลาดกลับมากังวลอัตราดอกเบี้ยที่อาจเร่งขึ้นอีกครั้ง

ตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปีจะถูกชี้นำจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลักด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง แต่ภาพระยะกลาง-ยาว ยังคงคาดหุ้นกลุ่ม Domestic & Reopening Play จะยังสดใสต่อเนื่อง

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (27 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,241.56 จุด เพิ่มขึ้น 37.63 จุด หรือ +0.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,829.25 จุด ลดลง 15.57 หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,353.23 จุด ร่วงลง 144.64 จุด หรือ -1.38%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,309.34 จุด ลดลง 138.53 จุด หรือ -0.52% , ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,787.94 จุด เพิ่มขึ้น 194.88 จุด หรือ +0.99% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,088.62 จุด ลดลง 6.95 จุด หรือ -0.22%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ธ.ค.65) 1,643.16 จุด เพิ่มขึ้น 16.36 จุด, +1.01%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,576.14 ลบ.เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. (27 ธ.ค.) ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 79.53 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ธ.ค.) อยู่ที่ 9.96 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.63 ทรงตัวจากวานนี้ จับตาทิศทาง Flow ไหลเข้าตลาดหุ้น-พันธบัตร

– กกพ.นัดสรุปค่าเอฟทีวันนี้ ลุ้นช่วยภาคธุรกิจลดค่าไฟลง 40 สตางค์ ส.อ.ท.ผิดหวังความช่วยเหลือ ชี้รัฐไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เมินข้อเสนอ เอกชนให้หาทางช่วยสภาพคล่อง กฟผ. เผย รมว.พลังงานไร้เสียงตอบรับช่วยเอกชน ด้านบอร์ด ปตท.เคาะแผนช่วยค่าไฟกลุ่มเปราะบาง เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการ ลดต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติผลิตไฟ เทียบเท่า 6 พันล้าน

– จีนสร้างเซอร์ไพร์สปิดฉากนโยบาย “ซีโร่โควิด” ประกาศเลิกกักตัวคนเข้าประเทศ พร้อมลดสถานะโรคลงเหลือระดับบี ชาวจีนอัดอั้น แห่เสิร์ชหาที่ท่องเที่ยวพุ่ง 10 เท่า ด้านเอกชนไทย หวังช่วยปลุกชีพการท่องเที่ยว ขณะ ททท.เด้งรับ ขยับเป้านักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 25 ล้านคน “ไทยแอร์เอเชีย” เล็งเพิ่มโควตาเที่ยวบิน ด้าน นักเศรษฐศาสตร์เชื่อไทยได้ประโยชน์สูงสุด

– รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือน พ.ย.65 การส่งออกมีมูลค่า 22,308.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 6% เทียบกับเดือน พ.ย.64 เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 นับจากเดือน ต.ค.65 ที่ติดลบ 4.4% ด้วยมูลค่า 21,772.4 ล้านเหรียญฯ เมื่อคิดเป็นเงินบาท มีมูลค่า 846,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% ส่วนการนำเข้ามูลค่า 23,650.3 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 5.6% กลับมาขยายตัวอีกครั้งหลังจากเดือน ต.ค.65 ที่ติดลบ 2.1% คิดเป็นเงินบาทอยู่ที่ 907,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.6% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 1,342.3 ล้านเหรียญฯ หรือขาดดุล 60,952 ล้านบาท

– “อาคม” ฉายภาพเศรษฐกิจปี 66 คาดขยายตัวได้ 3.8% แม้เศรษฐกิจโลกถดถอย ยังมีเครื่องยนต์ส่งออก การลงทุนภาครัฐ-เอกชน พร้อมเดินหน้าบริหารการคลังยั่งยืน ส่งสัญญาณลดการขาดดุลงบประมาณ หาช่องเพิ่มรายได้ต่อจีดีพี

– ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง 4 ปี (งบประมาณ 2567-2570) ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เสนอโดยมีการกำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ภายใต้แผนฉบับนี้ เบื้องต้นไว้ที่ 3.35 ล้านล้านบาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นมาจากงบประมาณปี 2566 ที่มีวงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 165,000 ล้านบาท ส่วนการขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 2567 กำหนดเบื้องต้นอยู่ที่ 593,000 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณก่อน ซึ่งกำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 695,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.88% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือลดลงประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยการปรับลดวงเงินการขาดดุลงบประมาณลงในงบประมาณปี 2567 นี้ เป็นเจตนาของกระทรวงการคลังที่ต้องการกำหนดวงเงินขาดดุลลดลงให้ได้ต่ำกว่า 3% ต่อจีดีพี เพื่อนำไปสู่การจัดทำงบ

หุ้นเด่นวันนี้

– PRM (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.90 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/65 ยังเติบโตแข็งแรงหนุนจากการ Reopening หนุนความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัวและเป็นบวกต่อปริมาณขนส่งเพิ่มขึ้นทั้ง Domestic และ International เราคาดกำไรปี 2565 +55% Y-Y แนวโน้มปี 2566 คาดยังคงสดใสต่อเนื่องหนุนจากการับรู้รายได้จากเรือ VLCC ใหม่ 3 ลำเต็มปี เราคาดกำไรโตต่ออีก +12% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันยังเทรด PER ต่ำเพียง 11.3 เท่า

– BEM (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 10.20 บาท แนวโน้มผู้โดยสารและผู้ใช้ทางด่วนฟื้นต่อเนื่อง บริษัมประเมินเป้าปี 66 ผู้ใช้ทางด่วน 1.1-1.2 ล้านเที่ยว/วัน ส่วนรถโดยสารไฟฟ้า 4 แสนเที่ยว/วัน ด้านการเปิดประเทศที่อาจเร็วกว่ากำหนดของจีนจะเป็น Bonus (ตลาดยังไม่รวมในประมาณการ) งานประมูล การประกาศผู้ชนะและการเซ็นสัญญาในปี 66 แน่น เริ่มจากสายสีส้ม (BEM-CK) มูลค่าโครงการรวม 1.39 แสน ลบ. ติดตามสายสีม่วง (ใต้) และโครงการ Double Deck , DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 2.45 พัน ลบ. และ 3.64 พัน ลบ. +29%YoY, +4%YoY ตามลำดับ

– KBANK (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 180 บาท ดอกเบี้ยขาขึ้นหนุนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของ KBANK เพิ่มขึ้น, ภาคท่องเที่ยวฟื้นช่วยให้ NPL ในกลุ่ม SME ลดลง, Fund flow ไหลเข้า KBANK เป็นเป้าในการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ธ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top