นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ต้อนรับ บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SAF” ในวันที่ 19 มกราคม 2566 ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 579 ล้านบาท
SAF ประกอบธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงบริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ โดยมีลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย อาทิ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มอื่นๆ ทั้งที่นำเหล็กกล้าเกรดพิเศษไปใช้งานโดยตรง และลูกค้าประเภท Supplier ซึ่งนำเหล็กกล้าเกรดพิเศษไปผลิตชิ้นงานเพื่อจำหน่ายต่อ
ทั้งนี้ บริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทยจากบริษัทเหล็กกล้าเกรดพิเศษชั้นนำจากประเทศเยอรมนี อาทิ DÖRRENBERG EDELSTAHL GmbH, WILHELM OBERSTE-BEULMANN GmbH เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทมีคลังสินค้าสองแห่งตั้งอยู่ที่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ มีปริมาณสูงสุดจัดเก็บ 2,000 ตัน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยจัดเก็บร้อยละ 71 ในงวด 9 เดือนปี 2565 สัดส่วนรายได้จำแนกผลิตภัณฑ์ตามลักษณะการใช้งานและบริการ ได้แก่ แม่พิมพ์งานอุตสาหกรรม งานเครื่องจักรกล บริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ และรายได้อื่น ประมาณ 70:20:5:5 ตามลำดับ และมีกลุ่มลูกค้า ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มอาหารและอื่นๆ ร้อยละ 48:38:14 ตามลำดับ
SAF มีทุนชำระหลังเสนอขาย 150 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 220 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 80 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 60 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 12 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท 8 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 9-11 มกราคม 2566 ในราคาหุ้นละ 1.93 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 154.4 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 579 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 34.96 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565) ซึ่งเท่ากับ 16.56 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0552 บาท โดยมี บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายพิศิษฐ์ อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAF เปิดเผยว่า บริษัทนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษชั้นนำระดับโลกมากว่า 30 ปี ทั้งนี้ หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญต่อการรักษาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจฯ คือ การบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที พร้อมกับคุณภาพการบริการและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจที่ดี เงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปใช้ในการลงทุนสร้างคลังสินค้าและโรงงานแห่งใหม่ ลงทุนเครื่องเตาชุบแบบไนไตรดิ้ง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
SAF มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวอริยเดชวณิชที่เป็นผู้บริหาร ได้แก่ นายพิศิษฐ์ อริยเดชวณิช นางสาวลีนา อริยเดชวณิช และนายพิศาล อริยเดชวณิช ถือหุ้นรวมกันร้อยละ 59.20 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ม.ค. 66)
Tags: IPO, mai, SAF, ซื้อขายหลักทรัพย์, ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, ประพันธ์ เจริญประวัติ, หุ้นไทย, เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล