หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ รอเฟดส่งสัญญาณทิศทางนโยบายการเงิน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ รอการประชุมเฟด เพื่อดูความชัดเจนการส่งสัญญาณทิศทางนโยบายการเงิน ประกอบกับยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่ปรับขึ้นเล็กน้อย และรอลุ้นตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีน พร้อมให้แนวต้าน 1,685-1,690 จุด แนวรับ 1,670-1,675 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ ซึ่งตลาดยังคงรอการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เกี่ยวกับการส่งสัญญาณทิศทางของนโยบายการเงินว่าจะออกมาอย่างไร ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ทำให้ทิศทางของดัชนียังเป็นการแกว่งตัวในกรอบ

ขณะที่ปัจจัยในภูมิภาคเอเชียวันนี้ในช่วงเช้าจะมีการรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนเดือนม.ค.ออกมา ซึ่งหากออกมาดีกว่าคาดว่าจะช่วยหนุนต่อตลาดหุ้นภูมิภาคได้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้เปิดมาส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย

โดยให้แนวต้าน 1,685-1,690 จุด แนวรับ 1,670-1,675 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (30 ม.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,717.09 จุด ร่วงลง 260.99 จุด หรือ -0.77%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,017.77 จุด ลดลง 52.79 จุด หรือ -1.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,393.81 จุด ดิ่งลง 227.90 จุด หรือ -1.96%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,458.56 จุด เพิ่มขึ้น 25.16 จุด หรือ +0.09%, ส่วนดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 22,190.27 จุด เพิ่มขึ้น 120.54 จุด หรือ +0.55% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,266.14 จุด ลดลง 3.18 จุด หรือ -0.1%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ม.ค.66) 1,681.22 จุด ลดลง 0.08 จุด (0.00%) มูลค่าการซื้อขาย 54,952.17 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,068.24 ลบ.เมื่อวันที่ 30 ม.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(30 ม.ค.) ลดลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2.23% ปิดที่ 77.90 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ม.ค.) อยู่ที่ 11.52 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.78 ให้กรอบวันนี้ 32.65-32.95 ตลาดจับตาผลประชุมเฟดพรุ่งนี้

– กนอ.เปิดแผนงานปี 2566 ตั้งเป้าหมายเป็น’พี่ใหญ่’ภูมิภาคอาเซียน เข้าลงทุนอาเซียน ต่อยอดซัพพลายเชนธุรกิจไทย พร้อมจีบยักษ์อุตสาหกรรมเข้าตั้งนิคมฯในไทย ควง’สุริยะ’บินเกาหลี ก.พ.เจรจา รบ.เพิ่มเชื่อมั่นนักลงทุนเกาหลีขนเทคโนโลยีเข้าไทย

– “พิพัฒน์” เตรียมชง ครม. สัปดาห์หน้า ไฟเขียวค่าเหยียบแผ่นดิน เข้าทางอากาศ 300 บาทต่อคนต่อครั้ง ทางบก-น้ำ 150 บาทต่อคนต่อครั้ง ดันใช้กลางปีนี้ ด้าน สทท.คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเกิน 30 ล้านคน สร้างรายได้ทุบสถิติ 3 ล้านล้านบาทในปี 62 แต่ท่องเที่ยวทั้งระบบยังขาดแรงงานอีก 5.6 แสนคน

– แก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบินใกล้จบ หลังปรับแบบช่วงทับซ้อนรถไฟไทย-จีนลงตัว คาดชง กบอ. 3 ก.พ. รับเงื่อนไข 4 ข้อ ก่อนชงบอร์ดอีอีซีไฟเขียว 10 ก.พ. รฟท.ยันพร้อมส่งมอบพื้นที่ช้าสุด มิ.ย.66 โอน SRTA เข้าบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ “แอร์พอร์ตลิงก์” ชั่วคราว ช่วงรอยต่อ

– “วิษณุ” ระบุยังยุบสภาฯ ตอนนี้ไม่ได้ เหตุ กกต. ขอเวลาเตรียมเลือกตั้ง คาดแบ่งเขตเสร็จปลาย ก.พ.นี้ ปัดยื้อเวลา วอนประชาชนเข้าใจ ล่าสุด กกต. เห็นชอบหลักเกณฑ์แบ่ง 400 เขตเลือกตั้ง เคาะจำนวนประชากร 1.65 แสนคน เฉลี่ย ส.ส. 1 คน เผย กทม.มากสุด 33 ที่นั่ง โคราช 16 ที่นั่ง เตรียมส่ง ครม. ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา

 

หุ้นเด่นวันนี้

– SPRC (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.50 บาท) แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/65 ขาดทุน แต่ดีขึ้น QoQ และจะฟื้นตัวขึ้นต่อ QoQ ในไตรมาส 1/66 มีปัจจัยหนุนจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวขึ้น โดย Gasoline / Jet Crack Spread +96%QoQ และ +4%QoQ ตามลำดับ รับอานิสงส์จาก China Reopening นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จาก Murban / Arab Light Crude Premium ที่ปรับตัวลดลง QoQ ขณะที่ผลขาดทุน Stock จะลดลงหากราคาน้ำมันดิบยืนอยู่ในระดับนี้ได้ ทำให้เชื่อว่าผลประกอบการของกลุ่มโรงกลั่นน่าจะดีกว่าพลังงานต้นน้ำและกลุ่มปิโตรเคมี

– PR9 (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 22 บาท โด่งดังและเชี่ยวชาญจากศูนย์โรคไต รายได้และกำไรฟื้นตัวต่อเนื่อง และมี Upside จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยจากจีนโดยเฉพาะศูนย์ IVF ที่บริษัทเริ่มเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2020

– PLANB (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.7 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 4/65 ที่ 219 ล้านบาท (+26%QoQ, +120%YoY) จากอุปสงค์สื่อนอกบ้านฟื้นชัดเจน โดยอัตราการใช้ป้าย (U-rate) ขยับขึ้นเป็น 68.1% จาก 62.1% ในไตรมาส 3/65 และ 54.2% ในปีก่อน ส่วนปี 2566 คาดกำไรจะทำสถิติใหม่สู่ระดับ 983 ล้านบาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ม.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top