MTC ติดเครื่องเร่งพอร์ตสินเชื่อปี 66 โต 20% คุมเข้มคุณภาพหนี้หลัง NPL ส่อพีค Q2/66

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโต 20% หรือมาอยู่ที่ 1.4-1.5 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทยังคงขยายสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่เร่งมาก เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะหันมาเน้นควบคุมคุณภาพลูกหนี้เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจกะกลับมาดีก็ตาม แต่ยังมีความเสี่ยงในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้บางรายที่อาจจะไม่มีความพร้อมในการกลับมาชำระคืนหนี้ในทันที ทำให้ทิศทางของสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าจะทำจุดสูงสุดในช่วงไตรมาส 2/66 ไปสู่ระดับ 3% จากสิ้นปี 65 ที่ 2.91% แต่บริษัทจะพยายามควบคุม NPL ในปีนี้ให้ไม่เกิน 3.5%

ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่ม 600 แห่งในปี 66 รวมเป็น 7,200 สาขาทั่วประเทศ รองรับความต้องการของลูกค้าในระดับฐานรากที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน พร้อมกับเดินหน้าพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เพื่อส่งมอบการบริการที่ดีแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิผลโครงการคลินิกแก้หนี้ที่มีอยู่ เพื่อให้คำปรึกษาและสร้างวัฒนธรรมทางการเงินที่ดี

สำหรับแรงกดดันต้นทุนทางการเงินที่ปรับสูงขึ้นมองว่าเป็นไปตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นทั่วโลก และในส่วนของบริษัทเองคาดว่าแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่ปรับสูงขึ้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนทางการเงินได้ในระดับที่ดี ซึ่งในปีนี้มองว่าต้นทุนทางการเงินอาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 3.6-3.8% จากปีก่อนที่ 3.3% แต่บริษัทจะมีการรักษาระดับส่วนต่างของต้นทุนและดอกเบี้ยในการให้สินเชื่อให้อยู่ไม่ต่ำกว่า 15% เพื่อทำให้ยังมีความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดีต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการออกหุ้นกู้วงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มเติม เพื่อนำมารองรับการปล่อยสินเชื่อของบริษัท โดยที่จะมีการเสนอขอวงเงินออกหุ้นกู้เพิ่มจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ บริษัทมองว่าในช่วงครึ่งปีแรกอาจะเป็นช่วงที่การขยายพอร์ตสินเชื่อจะไม่เติบโตมากนัก เนื่องจากบริษัทยังอยู่ระหว่างการดูสถานการณ์ต่างๆของเศรษฐกิจในภาพรวม และควบคุมคุณภาพหนี้ แต่มองว่าปัจจัยการเลือกตั้งอาจจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ แต่หลังจากการเลือกตั้งยังต้องรอติดตามการทำงานและการผลักดันนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร และจะสามารถช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวมได้มากหรือน้อยแค่ไหน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.พ. 66)

Tags: , , ,
Back to Top