KLINIQ ท็อปฟอร์มกำไร Q4/65 นิวไฮดันทั้งปี 65 โต 59% รายได้พุ่งเกือบเท่าตัว

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 205.57 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 1.21 บาท จากปี 64 มีกำไรสุทธิ 129.26 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.80 บาท คิดเป็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 76.31 ล้านบาท หรือ 59%

แบรนด์ THE KLINIQUE เป็นแบรนด์ที่ทำรายได้ในสัดส่วน 95% หรือทำรายได้ 1,663.93 ล้านบาท ตามด้วยแบรนด์ THE KLINIQUE SURGERY CENTER ทำรายได้ในสัดส่วน 2.9% หรือทำรายได้ 51.03 ล้านบาท และแบรนด์ L.A.B.X ทำรายได้ในสัดส่วน 2.1% หรือทำรายได้ 36.03 ล้านบาท

โดยเฉพาะในไตรมาส 4/65 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 60.70 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ เนื่องจากมีรายได้เติบโตทุกแผนกและเติบโตขึ้นทุกแบรนด์ ขณะที่ Same Store Sale Growth (SSSG) ในไตรมาส 4/65 เทียบกับไตรมาส 3/65 เท่ากับ 16% และ SSSG ของปี 65 เทียบกับปี 64 เท่ากับ 65%

สำหรับปี 65 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,750.99 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 914.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 836.56 ล้านบาท หรือ 91.5% ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ 84.7% มาจากรายได้แผนกผิวหนังและความงาม ที่มีจำนวน 1,483.58 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 785.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 698.37 ล้านบาท หรือ 89.9% ตามด้วยรายได้แผนกชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ในสัดส่วน 7.3% หรือจากรายได้จำนวน 127.44 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 74.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.78 ล้านบาท หรือ 70.7%

ตามด้วยรายได้จากแผนกลดน้ำหนักและดูแลรูปร่างในสัดส่วน 5.1% หรือจากรายได้ 88.93 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 46.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.17 ล้านบาท หรือ 90.2% และสุดท้ายแผนกศัลยกรรมตกแต่งซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 2.9% สามารถทำยอดการเติบโตได้ดี โดยมีรายได้ 51.03 ล้านบาท จากการเปิดศูนย์ศัลยกรรมเพียง 3 ไตรมาส โดยเพิ่มขึ้น 43.23 ล้านบาท หรือ 554.1% จากปี 64

“ปี 65 เดอะคลีนิกค์ฯ มีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 1,639.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.5% จากปี 2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการขยายสาขา การจัดซื้อเครื่องมือแพทย์เพิ่มเติม และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย” นายแพทย์อภิรุจ กล่าว

ปัจจุบัน เดอะคลีนิกค์ฯ มีสาขาที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 41 สาขา ประกอบด้วย THE KLINIQUE 36 สาขา, L.A.B.X 4 สาขา, และศูนย์ศัลยกรรม 1 สาขา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มี.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top