เฟดเร่งทบทวนนโยบายกำกับดูแล SVB กำหนดแถลงผลต่อสาธารณะ 1 พ.ค.

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมฉุกเฉินซึ่งจัดขึ้นในวันจันทร์ (13 มี.ค.) โดยระบุว่า เฟดกำลังทบทวนเกี่ยวกับการกำกับดูแลธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) หรือ SVB หลังจากที่ SVB ประสบกับภาวะล้มละลายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มี.ค.)

แถลงการณ์ระบุว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า การล้มละลายของ SVB ซึ่งก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบธนาคารนั้น ถือเป็นสถานการณ์ที่เฟดต้องหันมาทบทวนอย่างถี่ถ้วน, โปร่งใส และเร่งด่วน โดยคณะกรรมการเฟดได้มอบหมายให้นายไมเคิล บาร์ รองประธานเฟดฝ่ายกิจการกำกับดูแล ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการทบทวนเรื่องดังกล่าว และจะมีการแถลงให้สาธารณชนรับทราบผลของการทบทวนในวันที่ 1 พ.ค.

“เราขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และเราจะทำการทบทวนอย่างรอบคอบและถี่ถ้วนว่า ที่ผ่านมาเราได้กำกับดูและวางกฎระเบียบกับ SVB อย่างไร และเราต้องทบทวนว่า เราได้บทเรียนอะไรบ้างจากเหตุการณ์นี้”นายบาร์กล่าว

แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากคณะกรรมการเฟดพยายามรับมือกับสถานการณ์ที่ SVB เผชิญกับภาวะล้มละลาย เพียงไม่กี่วันหลังจากที่บริษัทประกาศว่าจำเป็นต้องระดมเงินทุนเพื่อพยุงสถานะทางการเงิน ซึ่งการล้มละลายของ SVB ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในระบบธนาคาร

วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับ SVB ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐต้องประกาศมาตรการเยียวยาในวันอาทิตย์ (12 มี.ค.) ด้วยการรับประกันว่า ลูกค้าทุกคนที่ฝากเงินไว้ที่ธนาคาร SVB และธนาคารซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ซึ่งถูกสั่งปิดด้วยนั้น สามารถเข้าถึงเงินฝากของตนได้เต็มจำนวนนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 มี.ค.เป็นต้นไป ขณะที่เฟดประกาศจัดตั้งโครงการ “Bank Term Funding Program” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสถาบันการเงินจากผลกระทบของการล้มละลายของ SVB

แถลงการณ์ล่าสุดของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า เฟดซึ่งเป็นหน่วยงานต้นทางที่กำกับดูแล SVB นั้น จะดำเนินการทบทวนนโยบายต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายทุกหน่วยงานในสหรัฐก็เริ่มพิจารณาว่าควรมีนโยบายใดบ้างที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแห่ถอนเงิน หรือ bank run ในอนาคต

ภายใต้นโยบายปัจจุบันนั้น ธนาคารที่มีสินทรัพย์มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์จะต้องได้รับการกำกับดูแลโดยตรงจากเฟด โดยเจ้าหน้าที่และคณะผู้ว่าการเฟดในกรุงวอชิงตันจะเป็นผู้กำหนดทิศทางในการควบคุมดูแล ส่วนการติดตามสถานการณ์แบบวันต่อวันนั้นเป็นหน้าที่การกำกับดูแลจากธนาคารในภูมิภาคของเฟด โดยเฟดสาขาซานฟรานซิสโกเป็นผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแล SVB

ก่อนหน้านี้ SVB อยู่ภายใต้มาตรการตรวจสอบเพื่อประเมินความเป็นไปได้ว่าอาจจะล้มละลาย ขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสบางรายได้ตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดขนาดของกิจการ SVB จึงเติบโตอย่างรวดเร็วและจบลงด้วยเงินฝากที่หายไปกว่า 90% ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเกิดจากการแห่ถอนเงินของลูกค้า

นายบิล ฮาเกอร์ตี้ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐเทนเนสซีกล่าวว่า “เฟดสาขาซานฟรานซิสโกมีเครื่องมือทุกอย่างที่จำเป็นในการป้องกันไม่ให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องการคำตอบว่า เพราะเหตุใดเฟดสาขาซานฟรานซิสโกจึงไม่ได้ใช้เครื่องมือที่มีอยู่เพื่อป้องกันสถานการณ์เช่นนี้”

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐสั่งปิดกิจการของ SVB หลังจากราคาหุ้น SVB ทรุดตัวลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลว่า SVB อาจต้องเพิ่มทุนจำนวนมากเพื่อชดเชยการขาดทุนมหาศาลจากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดย SVB จำเป็นต้องขายพันธบัตรในราคาต่ำกว่าหน้าตั๋ว เนื่องจากราคาพันธบัตรปรับตัวลงสวนทางกับดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นตามนโยบายเฟด ขณะที่ธุรกิจสตาร์ตอัปในกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญของ SVB นั้น ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง และได้แห่ถอนเงินฝากจาก SVB

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top