ขสมก.-กทม. ร่วมลดต้นตอฝุ่น ตรวจควันดำทุกวัน งดวิ่งหากเกินมาตรฐาน

นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ด้านสิ่งแวดล้อม กำชับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์และตรวจวัดค่าควันดำเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้รถโดยสารปล่อยมลพิษขณะนำมาใช้งานบนท้องถนน

นายพรพรหม กล่าวว่า กทม. ส่งเสริมให้ประชาชนเป็น Active Citizen มีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสปัญหาต่างๆ เพื่อนำไปสู่การแก้ไข ซึ่งประชาชนทุกคนสามารถเป็นนักสืบฝุ่นได้ โดยหากพบเห็นรถเมล์หรือรถบรรทุกควันดำ หรือต้นตอมลพิษต่างๆ สามารถถ่ายรูปแล้วแจ้งเบาะแสส่งมาทาง Traffy Fondue

ทั้งนี้ กทม. จะส่งต่อไปให้ ขสมก. ซึ่งมีหน่วยงานรับเรื่อง และดำเนินการแก้ไขด้วยการซ่อมแซม หรือทำความสะอาดเครื่องยนต์ หลังจากนั้นทาง ขสมก. ก็จะส่งรูปการดำเนินการที่แล้วเสร็จกลับมา

“กทม. ขอชื่นชมและขอขอบคุณ ขสมก. ที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนเป็นอย่างดีในการร่วมแก้ไขปัญหาฝุ่นที่ต้นตอ เพื่อลดปัญหาค่าฝุ่นละออง PM 2.5 สูงในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างยั่งยืน” นายพรพรหม กล่าว

นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง กล่าวว่า สำนักงานเขตได้ประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ หนึ่งในนั้นก็คือควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ อาทิ อู่ขนาดใหญ่ ต้องมีการตรวจวัดควันดำ โดยกำหนดมาตรการว่าหากไม่ทำตาม เจ้าพนักงานท้องถิ่นก็สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ดี อู่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และมีการตรวจสม่ำเสมอ

ด้านผู้แทน ขสมก. กล่าวว่า กทม. ได้ตรวจมลพิษอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ขสมก. รับนโยบายจาก กทม. คือ จะต้องตรวจรถทุกคันก่อนนำรถออกให้บริการ ซึ่งได้มีการตรวจทุกวันทั้งรอบเช้าและรอบบ่าย หากเกิดค่าควันดำเกินมาตรฐานหรือใกล้เคียงมาตรฐาน คือมีค่าความทึบแสง (ขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ) อยู่ที่ 25% จะไม่ให้นำรถออกวิ่งโดยเด็ดขาด ดังนั้น ยืนยันว่ารถที่ออกไปไม่มีควันดำ

สำหรับเครื่องมือตรวจวัดควันดำที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีด้วยกัน 2 ระบบ คือ 1. ระบบความทึบแสง (ขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ) ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 30% และ 2. ระบบกระดาษกรอง (ขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ) ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 40%

ทั้งนี้ การตรวจวัดจะดำเนินการ 2 ครั้ง โดยใช้ค่าสูงสุดที่วัดได้เป็นเกณฑ์ตัดสิน ถ้าค่าควันดำที่ตรวจวัดได้ทั้ง 2 ครั้ง แตกต่างกันเกิน 5% ให้ยกเลิกการตรวจวัดทั้ง 2 ครั้ง และดำเนินการตรวจวัดค่าควันดำใหม่ จนกว่าค่าควันดำที่วัดได้ทั้ง 2 ครั้ง จะแตกต่างกันไม่เกิน 5% กรณีที่ตรวจวัดซ้ำหลายครั้งแล้วค่าควันดำยังคงเกินเกณฑ์มาตรฐาน และความแตกต่างระหว่างค่าครั้งที่ 1 และค่าครั้งที่ 2 แตกต่างกันเกิน 5% ให้ถือว่ารถคันนั้นมีค่าควันดำเกินมาตรฐาน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มี.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top