SE ชูกลยุทธ์ Adaptability-Flexibility ดันรายได้ปี 66 โต 15-20% จ่อทำ M&A-JV ต่อยอดสายพลังงาน

นายเกริก ลีเกษม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามอีสต์ โซลูชั่น (SE) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 66 บริษัทมุ่งมั่นก้าวสู่ผู้ให้บริการโซลูชั่นครบวงจร พัฒนากลุ่มอุตสาหกรรม เน้นกลยุทธ์พร้อมปรับตัว (Adaptability) และยืดหยุ่น (Flexibility) เพื่อรับมือทุกสถานการณ์ เนื่องจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อยกระดับงานบริการ (Services Solutions) ก่อให้เกิดการลดต้นทุนการผลิต การบริหารจัดการสินค้าคงคลังและบำรุงรักษาเชิงป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพสูง เพิ่มความสามารถ ส่งเสริมให้ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมมีโอกาสทำกำไรได้สูงขึ้น

บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ปี 66 เติบโตประมาณ 15-20% รักษาอัตรากำไรขั้นต้น 27% โดยจะมาการเติบโตจากภายใน (Organic Growth) ได้แก่ รักษาฐานลูกค้าเดิมที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 4,600 ราย และขยายฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงจัดหาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อนำเสนอลูกค้า ครอบคลุมความต้องการมากยิ่งขึ้น

บริษัทจะจัดหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำทั้งสินค้าและบริการ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมมีการปรับเปลี่ยนและซ่อมบำรุงอยู่สม่ำเสมอ เช่น ท่อ ปั๊ม วัสดุนวัตกรรมต่างๆ รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง อย่าง พลังงานสะอาด ที่นำมาหมุนเวียนใช้ในโรงงาน ซึ่งครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นับเป็นโอกาสในการรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ในอนาคต

ขณะที่การเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) บริษัทมีแผนจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อต่อยอดการเติบโต เน้นการทำ Merger and Acquisition (M&A), Joint Venture (JV) และหาโอกาสใหม่ๆ ทางด้านความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ โดยมีความสนใจในธุรกิจพลังงานเช่น การให้บริการติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบ EPC และการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Private PPA (ขายไฟฟ้าราคาถูกสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม) เนื่องจากมีลูกค้าโรงงานหลายกลุ่มเสนอให้บริษัททำ หลังจากโรงงานในกลุ่มของลูกค่า ประสบปัญหาค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟแพง เป็นต้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้

ปัจจุบัน SE มีบริษัทร่วมทุนและบริษัทในเครือ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท โอเคเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด วางแผนลงทุนเกี่ยวกับ Start up, Internet of Things, สิ่งแวดล้อม, พลังงาน บริษัท เคสเซล (ประเทศไทย) จำกัด วางแผนขยายตลาดการจัดจำหน่าย และให้บริการติดตั้ง ท่อ วาล์ว หรือ อุปกรณ์อื่นๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษและเป็นตัวแทนจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทย และบริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ UBA ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากการประมูลงานเพิ่มของทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน ส่งผลให้ SE รับรู้กำไรเพิ่ม รวมถึงมีโอกาสในการขายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเช่นกัน

สำหรับภาพรวมภาคอุตสาหกรรมในปีนี้แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หลังฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ภาครัฐและเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่มีมูลค่าการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์, เคมีภัณฑ์ปิโตรเคมี และ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีสัดส่วนมากที่สุด 3 อันดับแรกของ SE ด้วยเช่นกัน โดยส่วนของโรงงานอุตสาหกรรมเริ่มทยอยลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งการซ่อมบำรุง การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ อีกทั้งกฎหมายบังคับเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น การลดคาร์บอนไดออกไซด์ การบริหารจัดการระบบน้ำ การควบคุมอุณหภูมิ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจึงถือเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัททั้งสิ้น

“SE เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นที่ตอบสนองความต้องการเพื่อพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรม โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสม ให้เกิดการลดต้นทุนการผลิตและบำรุงรักษาเชิงป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการประเมินผล วัดผลให้แม่นยำเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย โดยใช้ข้อมูลเชิงลึก การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตรวจสอบความสำเร็จ”

ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นเดือนธ.ค.65 ประมาณ 202.30 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 146.30 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบ 56 ล้านบาท อีกทั้งเดินหน้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชนอย่างต่อเนื่อง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มี.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top