เลือกตั้ง’66: หอการค้าไทย เปิดเวที 10 พรรคโชว์นโยบายขับเคลื่อนประเทศ

หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดเวทีให้ตัวแทน 10 พรรคการเมือง ร่วมตอบข้อซักถาม “มุมมองของภาคเอกชน ต่อนโยบายขับเคลื่อนประเทศ”

* พรรครวมไทยสร้างชาติ

นโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

  • ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต้องพิจารณาจากสิ่งที่เรามีอยู่และได้เปรียบคู่แข่ง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเลกทรอนิกส์ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว สิ่งที่ได้ลงทุนไป คือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ทั้งทางถนน ทางราง ทางอากาศ และทางน้ำ รวมถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้เป็นศูนย์กลางการจัดเก็บข้อมูล ทั้งดาต้าเซ็นเตอร์ และคลาวด์เซอร์วิสเซ็นเตอร์ เพื่อผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่ระดับ 4.0 และเป็นฐานการผลิตที่ใช้พลังงานสะอาด ซึ่งเราพัฒนาไปไกลกว่าคู่แข่งที่ปล่อยคาร์บอนมากกว่าเรา 2 เท่าหรือ 3 เท่าตัว นอกจากนี้ ยังออกมาตรการ LTV (Long Term Visa) 10 ปี เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้าตั้งฐานการผลิต หรือสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย

* พรรคเพื่อไทย

นโยบายส่งเสริมการศึกษา และลดความเหลื่อมล้ำ

  • นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีนโยบายที่จะส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการเรียนเพื่อรายได้ตามความต้องการ โดยสร้างแพลตฟอร์มที่ใช้หลักสูตรออนไลน์ 5 หมื่นกว่าแห่งที่เชื่อมโยงไปทั่วโลก โดยสามารถรีสกิลหรืออัพสกิลได้ตลอดเวลา ส่วนการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำนั้น จะต้องเริ่มพัฒนาตั้งแต่ฐานราก และระบบเศรษฐกิจของเราจะดีได้ต้องมาจากอุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็ง เราถือว่ามีหุ้นในบริษัทเอกชนทุกแห่ง เพราะเป็นเงินภาษี 20% จึงต้องดูแลให้ภาคเอกชนเติบโต

* พรรคไทยสร้างไทย

นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อกระจายรายได้ไปยังชุมชน

  • คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องทำให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยกิจกรรมต่างๆ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศถึงระดับหมู่บ้าน ซึ่งขายความเป็นไทย ทั้งเรื่องแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ประเพณีวัฒนธรรม ศาสนา นอกจากนี้ ยังต้องสร้างจุดขายใหม่ เช่น การเป็นแหล่งช้อปปิ้ง, การจัดงานอีเว้นท์, การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งในส่วนนี้ตั้งเป้าสร้างรายได้เข้าประเทศไว้ 2.5 ล้านล้านบาท/ปี

* พรรคภูมิใจไทย

นโยบายส่งเสริมสตาร์ทอัพ

  • นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ต้องมีมาตรการจูงใจเรื่องภาษี การให้โอกาส และการจัดหาแหล่งเงินทุน แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น อยากให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยกันเป็นพี่เลี้ยงเข้ามาช่วยกันสร้างสตาร์ทอัพ โดยรัฐบาลควรจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาสตาร์ทอัพ

* พรรคชาติไทยพัฒนา

นโยบายรัฐบาลดิจิทัลและระบบเศรษฐกิจดิจิทัล

  • นายชาติชาย พยุหนาวีชัย กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ต้องแก้ไขกฎระเบียบที่ส่งเสริมให้เข้าสู่ระบบดิจิทัล เริ่มต้นจากระบบราชการก่อน ซึ่งภาครัฐมีงบประมาณที่จะมาพัฒนาแพลตฟอร์มให้ประชาชนใช้งาน การพัฒนาอาชีพด้านเทคโนโลยีมากขึ้น การพัฒนานวัตกรรม การส่งเสริมภาคเอกชนลงทุนในการวิจัยและพัฒนา

* พรรคก้าวไกล

นโยบายส่งเสริมการทำ FTA และการพัฒนาฝีมือแรงงาน

  • น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ที่มีอยู่ทั้ง 14 ฉบับนั้น ยังใช้สิทธิประโยชน์ไม่เต็มที่แค่ 70% อีกทั้งเป็นคู่ค้ามีมูลค่าการค้าไม่มาก ดังนั้นการเจรจา FTA ในอนาคต จะต้องมียุทธศาสตร์ชัดเจน และจัดเตรียมกฎหมายให้พร้อมก่อนเริ่มบังคับใช้ ขณะที่หน่วยงานภาครัฐต้องบูรณาการร่วมมือกัน

* พรรคพลังประชารัฐ

นโยบายการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร

  • นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า แนวทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร คือการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ ทั้งเรื่องอุตสาหกรรมอาหาร และความมีแพลตฟอร์มที่จะกระจายสินค้าไปได้ทั่วโลก ซึ่งจะช่วยเสริมเรื่องซอฟท์พาวเวอร์ ท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังสามารถพัฒนาไปเป็นพลังงานจากปาล์มน้ำมัน, อ้อย และมันสำปะหลัง ไปผลิตเป็นน้ำมันเครื่องบิน ขณะเดียวกัน ต้องเร่งส่งเสริมเรื่องคาร์บอนเครดิตที่เป็นรายได้ให้เกษตรกร

* พรรคประชาธิปัตย์

นโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะส่งเสริมการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน

  • นายเกียรติ สิทธีอมร ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องแก้ไขเรื่องราคาพลังงาน และปรับโครงสร้างภาษี ขณะที่การค้าชายแดนสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ดีพอ ต้องดำเนินการเรื่องเขตเศรษฐกิจค้าชายแดนเป็นกลุ่มจังหวัดให้เป็นเรื่องเป็นราว จุดแข็งเรื่องนี้คือการใช้เงินบาทในการซื้อขายสินค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน

* พรรคชาติพัฒนากล้า

นโยบายการช่วยเหลือเอสเอ็มอี

  • นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคจะผลักดันให้การยกเลิกแบล็กลิสต์ ไม่ใช่การยกเลิกเครดิตบูโร โดยให้การจัดอันดับเครดิตของธนาคารเป็นแบบเครดิตสกอร์ที่มีความแม่นยำและเป็นธรรมมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันของธนาคารว่าจะคิดดอกเบี้ยกับคนที่มีเครดิตดีได้ดอกเบี้ยถูกกว่าปัจจุบันที่เป็นอัตราตายตัวแบบเหมารวม ส่วนการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคนั้น เป็นผลจากโครงสร้างที่รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ซึ่งถึงเวลาที่ต้องให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่มีความพร้อม และจำเป็นต้องจัดทำยุทธศาสตร์จังหวัด 20 ปีเพื่อกระจายความเจริญออกไป ซึ่งจะทำให้คนต่างจังหวัดไม่ต้องเดินทางเข้ามาหางานทำใน กทม.

* พรรคเสรีรวมไทย

นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ

  • นายกษิติ มงคลนาวิน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างประเทศ มีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นมาก ซึ่งต้องเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ขณะที่การส่งเสริมการลงทุนนั้นเป็นไปตามปกติ เรื่องการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของต่างชาตินั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็น แต่สามารถให้วีซ่าระยะยาวได้ และจัดบริการแบบวันสต็อปเซอร์วิส ลดขั้นตอน โดยเปิดให้ภาคสังคมเข้ามีส่วนร่วม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มี.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top