ตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ยังขาดปัจจัยใหม่ จับตาตัวเลข GDP สหรัฐ

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ ยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ รอติดตามรายงาน GDP ไตรมาสแรกของสหรัฐปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งผลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมต้นเดือนพ.ค.นี้ ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาบวกและลบสลับกัน ส่วนปัจจัยในประเทศยังเป็นการเก็งกำไรหุ้นงบฯไตรมาส 1/66 ดี ช่วยหนุนได้ พร้อมให้แนวต้าน 1,570 จุด แนวรับ 1,550 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ โดยที่ตลาดยังคงไร้ปัจจัยใหม่ และยังรอติดตามตัวเลข GDP สหรัฐไตรมาส 1/66 ที่จะออกมาในช่วงปลายๆสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมต้นเดือนพ.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดติดตาม ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนเข้ามาบ้างจากการเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/66 ที่คาดว่างบฯจะออกมาดี โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวตามการเปิดเมือง ซึ่งจะช่วยหนุนดัชนีได้บ้าง

ให้แนวต้าน 1,570 จุด แนวรับ 1,550 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  •  – ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (24 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,875.40 จุด เพิ่มขึ้น 66.44 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,137.04 จุด เพิ่มขึ้น 3.52 จุด หรือ +0.09%  และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,037.20 จุด ลดลง 35.25 จุด หรือ -0.29%
  • – ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 28,697.73 จุด เพิ่มขึ้น 104.21 จุด หรือ +0.36%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,903.53 จุด ลดลง 56.41 จุด หรือ -0.28%  และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,276.40 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด หรือ +0.03%
  • – ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 เม.ย.66) 1,557.87 จุด ลดลง 0.49 จุด (-0.03%) มูลค่าการซื้อขาย 35,491.29  ล้านบาท
  • – นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 678.21 ลบ. เมื่อวันที่ 24 เม.ย.66
  • – ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.(24 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.14% ปิดที่ 78.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • – ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 เม.ย.) อยู่ที่ 2.91 เหรียญ/บาร์เรล
  • – เงินบาทเปิด 34.30/35 แข็งค่าเล็กน้อย ตลาดรอตัวเลขศก.สหรัฐ-ทิศทางดอกเบี้ยเฟด
  • – “แบงก์ชาติ” ย้ำชัด เศรษฐกิจไทยฟื้นชัด ไร้เหตุกระตุ้น ห่วงนโยบายประชานิยมแบบทอดแหสร้างผลข้างเคียงระยะยาว ทำภาระหนี้พุ่ง พร้อมยอมรับเงินบาทผันผวนสุดในภูมิภาค เล็งเพิ่มใช้สกุลเงินท้องถิ่น หวังลดพึ่งพาดอลลาร์
  • – ครม.ถกของบฯกลางอีก อุ้มค่าไฟกลุ่มเปราะบางงวดใหม่ กกพ.ยืนมติ ค่าไฟพ.ค.-ส.ค. 66 ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย ลุ้นค่าไฟ งวดหน้าอาจแพงกว่า 4.70 บาท จับตา 3 ปัจจัย ก๊าซในอ่าวไทยไม่ได้ตามเป้า ,ราคานำเข้า LNG และอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน
  • – ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดตั้ง Virtual Bank ว่า ธปท.มีความจำเป็นต้องเลื่อนกำหนดเวลาที่จะให้ผู้ประสงค์จะยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้ง Virtual Bank ออกไปเป็นไตรมาส 4 ของปีนี้ เนื่องจากมีประเด็นคำถามต่างๆ รวมทั้งความเห็นที่หลากหลาย โดยเฉพาะความเท่าเทียมกันและรายละเอียดในการทำธุรกรรมต่างๆ ซึ่งต้องรวบรวมและชี้แจงให้เกิดความชัดเจน โดยจะจัดทำคำชี้แจงในรูปแบบของคู่มือ (handbook) และคาดว่าจะออกหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งได้ในไตรมาส 3 ปีนี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • – SABINA (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 28.50 บาท DAOL Strategy ประเมินกำไรไตรมาส 1/66 ที่ 116 ล้านบาท +14.21%YoY, 9.38%QoQ หนุนด้วยยอดขายที่เติบโตทุกช่องทาง และการปรับเพิ่มโครงสร้างราคาของสินค้าโดยเฉลี่ย แนวโน้มยอดขายในเดือน เม.ย. (20 วัน จุดเริ่มต้นของ 2Q23E) ทำได้ดีกว่าเป้า (เป้ารายได้ปี 2566 โต 10-15%YoY) ส่วน SABINA ฟิลิปปินส์จะเริ่มรวมในงบของ SABINA นับตั้งแต่ไตรมาส 2/66 คาดหนุนยอดขายทั้งปี 2566 ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท  DAOL Strategy ประเมินกำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 497 ลบ. และ 615 ลบ. +19%YoY และ +24%YoY ตามลำดับ
  • – AH (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 43.00 บาท แนวโน้มไตรมาส 1/66 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น QoQ, YoY จากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนลดลง ขณะที่ผลการดำเนินงานหลักมีปัจจัยบวกจากคำสั่งซื้อใหม่ ยอดขายจากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์สูงขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนภาพรวมในปี 66 เบื้องต้นเราประเมินยอดขายของบริษัทอยู่ที่ 2.97 หมื่นล้านบาท เติบโต +6%YoY ดีกว่าอุตสาหกรรม กำไรปกติปี 66 อยู่ที่ 1.72 พันล้านบาท +1%YoY Valuation ไม่แพงมี Forward PER’66 ต่ำเพียง 6.7x ทั้งนี้ระยะสั้นตลาดคลายกังวลต่อประเด็นรถยนต์ VINFAST ที่เริ่มส่งมอบในตลาดอเมริกา ส่วนในระยะยาวคาดว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนฯ ที่ได้รับประโยชน์จาก Car Market จีนมีแผนเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ EV เพื่อใช้เป็นฐานรถออกรถยนต์พวกมาลัยขวา ซึ่งมีข้อกำหนดที่ต้อง Sourcing Part ที่เป็น Local ด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 เม.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top