หัวเว่ยเผยโซลูชันเหมือง 5G อัจฉริยะเพิ่มประสิทธิภาพการทำเหมืองของส่านซี โคล อินดัสทรี

หัวเว่ยและบริษัท ส่านซี โคล อินดัสทรี จำกัด หรือ ส่านซีโคล (Shaanxi Coal Company) ได้ร่วมกันพัฒนาโซลูชันเหมืองอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี 5G และอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรม ซึ่งมีอายุการใช้งานอย่างต่อเนื่องครบรอบหนึ่งปีเมื่อไม่นานมานี้

สวี่ จวิน ซีทีโอประจำหน่วยธุรกิจเหมืองของหัวเว่ย เปิดเผยว่า หัวเว่ยได้ทำงานร่วมกับเหมืองถ่านหินหงลิ่วหลิน (Hongliulin) และเซียวเป่าตัง (Xiaobaodang) ของบริษัทส่านซีโคล เพื่อพัฒนาแนวปฏิบัติและการใช้งานใหม่ที่ตรงตามข้อกำหนดของการผลิตถ่านหินโดยเฉพาะ ในกระบวนการนี้ หัวเว่ยได้ใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาทั้งในด้าน 5G เอไอ คลาวด์ บิ๊กดาต้า และเทคโนโลยีอื่น ๆ รวมถึงความสามารถในการบูรณาการทรัพยากรทั่วโลก ความร่วมมือครั้งนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับเหมืองอัจฉริยะให้แก่อุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อให้เกิดโซลูชันเหมืองอัจฉริยะที่สามารถจำลองภาพเหมืองเสมือนจริงที่ทำหน้าที่เป็นฝาแฝดดิจิทัลของเหมืองใต้ดิน สร้างมูลค่าที่มากขึ้นด้วยข้อมูลการขุดจำนวนมหาศาลด้วยวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ภายหลังจากที่ได้นำโซลูชันดังกล่าวมาใช้ เหมืองถ่านหินหงลิ่วหลินสามารถลดจำนวนคนงานที่ปฏิบัติงานใต้ดินลงได้ถึง 18% นอกจากนี้ กว่า 97.7% ของหน้าเหมืองในปัจจุบันยังรองรับการทำเหมืองอัจฉริยะ รวมถึงมีการจัดการอัจฉริยะสำหรับหน้าเหมืองใต้ดิน โดยการต่อวิดีโอ (video splicing) และการสนทนาทางวิดีโอแบบ 5G อุปกรณ์มากกว่า 2,700 ชุดในเหมืองสามารถเชื่อมต่อถึงกันโดยใช้มาตรฐานข้อมูลแบบรวม โดยมีข้อมูลกว่า 170 ล้านชิ้นที่สตรีมไปยังส่วนกลางทุกวัน ข้อมูลเหล่านี้ใช้สร้างแบบจำลองดิจิทัลมากกว่า 100 แบบ รวมถึงนำไปใช้ในการตัดสินใจด้านการผลิตและการดำเนินงาน และพัฒนาการใช้งานเชิงดิจิทัลใหม่ ๆ ด้วยเครื่องมือพัฒนาที่ไม่ต้องใช้โค้ด

ในขณะเดียวกัน เหมืองถ่านหินเซียวเป่าตังยังใช้ 5G และเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่นกัน เพื่อสร้างกระบวนการ อุปกรณ์ และการจัดการเหมืองอัจฉริยะ ซึ่งช่วยยกระดับความปลอดภัยในการดำเนินงานและประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างมาก รวมถึงลดจำนวนคนงานใต้ดินลงถึง 42% สถานที่สำคัญภายในเหมือง เช่น ห้องสูบน้ำใต้ดินและสถานีไฟฟ้าย่อย สามารถดำเนินงานโดยไม่ต้องมีผู้คุมได้ โดยอาศัยการตรวจสอบเครื่องจักรและการทำงานร่วมกันผ่านวิดีโอ

ในแง่ของความปลอดภัยในการผลิตนั้น อุปกรณ์ตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่ตรวจจับและแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อมีการสะสมตัวของแก๊ส การเกิดไฟไหม้ น้ำท่วม ปัญหาการระบายอากาศ และเหตุการณ์ทางธรณีวิทยา รวมถึงสร้างการเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้สามารถทำการตัดสินใจด้วยข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น และยกระดับการจัดการความปลอดภัยภายในเหมืองได้อย่างมาก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 เม.ย. 66)

Tags: ,
Back to Top