หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ดาวน์ ความไม่แน่นอนทั้งใน-ตปท.กดดัน

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ดาวน์ รอประเมินผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/66 โดยรอดูการประชุมนักวิเคราะห์ และโบรกเกอร์จะอัพเกรดหรือดาวน์เกรดหุ้นแต่ละตัวอย่างไร ประกอบกับความไม่แน่นอนหลายอย่างกดดัน ทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศ ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ และ การเจรจาเพดานหนี้สหรัฐ ทำให้ในช่วงนี้ตลาดน่าจะยังไม่ไปไหนไกล แนะนักลงทุนถือเงินสด หรือรักษาหน้าตักเอาไว้ก่อน ขณะเดียวกันตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบสลับกัน โดยยังไม่มีปัจจัยบวกและลบชัดเจน ให้แนวรับไว้ที่ 1,525 จุด และแนวต้าน 1,550 จุด

นายภูวดล ภูสอดเงิน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ดาวน์ เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/66 ของบริษัทจดทะเบียนไทยออกมาให้แล้วเสร็จ และหลังจากนั้นก็จะไปรอดูการประชุมนักวิเคราะห์ (Analyst Meeting) กันอีกครั้งว่าแต่ละโบรกฯ จะมีการอัพหรือดาวน์เกรดหุ้นตัวไหน ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเริ่มเห็นหลายโบรกฯ ออกบทวิเคราะห์กันไปบ้างแล้ว โดยบล.บัวหลวงก็มีการดาวน์เกรดกลุ่มหุ้นที่ราคาขึ้นสูง เช่น หุ้นไฟแนนซ์ เป็นต้น อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ จึงแนะนักลงทุนรักษาเงินสดเอาไว้ก่อน

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาค่อนข้างหลากหลาย และนักลงทุนยังรอดูการหารือขยายเพดานหนี้สหรัฐอย่างต่อเนื่อง

ให้แนวรับไว้ที่ 1,525 จุด และแนวต้าน 1,550 จุด

ส่วนบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนต่างๆ ได้แก่ 1)ปัจจัยการเมืองในประเทศ 2) ทิศทางดอกเบี้ยเฟด หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าวยังไม่ลดดอกเบี้ย และมีโอกาสขึ้นได้ หากเงินเฟ้อยังสูง และ 3) การเจรจาเพดานหนี้สหรัฐ

ด้านแนวโน้มดัชนี กรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1,550-1,560 จุด ส่วนกรอบล่างอยู่ที่ 1,533 จุด หากต่ำกว่าเป็นลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1,523 จุด

 

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,012.14 จุด ร่วงลง 336.46 จุด หรือ -1.01%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,109.90 จุด ลดลง 26.38 จุด หรือ -0.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,343.05 จุด ลดลง 22.16 จุด หรือ -0.18%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29 29,912.44 จุด เพิ่มขึ้น 69.45 จุด หรือ +0.23%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,956.13 จุด ลดลง 22.12 จุด หรือ -0.11% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,281.97 จุด ลดลง 9.02 จุด หรือ -0.27%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 พ.ค.66) 1,539.84 จุด ลดลง 1.54 จุด (-0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 53,185.45 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,045.47 ล้านบาท (16 พ.ค.66)

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. (16 พ.ค.66) ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 70.86 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 พ.ค.66) อยู่ที่ 4.29 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.10 อ่อนค่าตามภูมิภาค จับตาการเมืองในประเทศ-แผนขยายเพดานหนี้สหรัฐ

– “ภาควิชาการ-สื่อ” บีบ ส.ว. โชว์สปิริตเปิดทางรัฐบาลเสียงข้างมากนั่งนายกฯ ชวนประชาชนร่วมลงมติปิดสวิตช์จับตา 3 กลุ่มสภาสูงเงื่อนไขการเมือง ส่วนสูตรจับขั้ว “ก้าวไกล” เปิดวงถก ยันขอคุม “กลาโหม” แก้ม.112 โยนเผือกร้อนเข้าสภาฯ ขณะที่เพื่อไทย ปัดแผนโดดเดี่ยว ย้ำจุดยืนอุ้มก้าวไกล “เศรษฐา” จี้ภท.-ปชป.โชว์สปิริตโหวต

– ธุรกิจใหญ่กังวล พายุแห่งการเปลี่ยนแปลงหลังพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล บรรยากาศอึมครึม โบรกฯ ชี้ตลาดหุ้นซึมต่อ เพราะความ “ไม่แน่นอน-ไม่ชัดเจน” หน้าตารัฐบาล ขณะที่นโยบายเปลี่ยนประเทศบางอย่างอาจทำให้บริษัทขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบมาก สภาพัฒน์ห่วงความเชื่อมั่นลงทุนภาคเอกชน เตือนดำเนินนโยบายต้อง “รอบคอบ” หวั่นขึ้นค่าแรงส่งผล “ต้นทุนธุรกิจ” กระทบเป็นลูกโซ่ลงทุนต่างชาติหาย จนกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สอดคล้อง ส.อ.ท. เรียกร้องรัฐบาลใหม่อย่าใช้วิธีขึ้นค่าแรงแก้ปัญหา ทั้งห่วงจัดตั้งรัฐบาลลากยาวไป 4-6 เดือน กระทบเบิกจ่ายงบฯ ปี’67

– ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. 66 อยู่ระดับ 95.0 เหตุวันหยุดเยอะ แถมวิตกเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยฉุดการส่งออกไทย แรงซื้อในไทยก็ยังอ่อนแอจากการเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้า และดอกเบี้ยที่ทยอยปรับขึ้น แต่ยังมีปัจจัยบวกที่ค่าระวางเรือต่ำลง และท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว

– ส.อ.ท.เตรียมจัดทำสมุดปกขาว ยื่นรัฐบาลใหม่ ชี้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบก้าวกระโดด ฉุดขีดแข่งขัน เสี่ยงสินค้าขึ้นราคาทำค่าครองชีพพุ่ง และกระทบการลงทุนตรงจากต่างประเทศ แนะยึดค่าแรงตามทักษะฝีมือแรงงาน ก่อนขึ้นควรผ่านการตัดสินใจจากไตรภาคี พร้อมเกาะติดตั้งรัฐบาล ย้ำต้องเร็ว หวั่นกระทบงบประมาณปี 67-68 ล่าช้า ซ้ำเติมเศรษฐกิจ ยันหนุนเปิดเสรีกิจการไฟฟ้า สานต่อ BCG-EEC

– พรรคก้าวไกล เดินหน้ารื้อโครงสร้างพลังงาน ประเดิมลดค่าไฟฟ้า 70 สตางค์ต่อหน่วย ด้วยการรื้อสูตรราคาก๊าซฯใช้ผลิตไฟฟ้าใหม่ ปลดล็อกค่าความพร้อมจ่าย (AP) เงินกินเปล่าของโรงไฟฟ้า เปิดเสรีโซลาร์รูฟท็อป พร้อมทบทวนแผนพีดีพีใหม่หนุนพลังงานสะอาด ลดปล่อยคาร์บอนฯให้เข้มข้นกว่าเดิม

 

*หุ้นเด่นวันนี้

– ICHI “ซื้อ” มีแนวโน้มปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นจาก 14 บาท ระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 2/66 จะเร่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ราว 250 ลบ. +13% q-q, +64% y-y จากรายได้ที่คาดทำ New High หนุนจากทั้งตลาดชาเขียวที่โต ยอดขาย Tansansu เร่งตัวข้น และรับรู้รายได้ลูกค้า OEM เป็นไตรมาส ส่วน Margin คาดเร่งตัวตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นและต้นทุนเม็ดพลาสติกเริ่มทรงตัว ผู้บริหารมั่นใจกับเป้ารายได้ปีนี้ที่ 7.3 พันลบ. +15% y-y มากขึ้นและมองว่ารายได้ในครึ่งปีหลังปี 66 จะไม่อ่อนตัวลงจาก ครึ่งปีแรกปี 66 จากลูกค้า OEM ที่เข้ามามากกว่าคาด เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นจากปัจจุบันที่ 732 ลบ. +13% y-yราว 10%

– KTB (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 24.75 บาท มีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์ของ KTB เมื่อวานนี้ เนื่องจากผู้บริหารคาดว่า NIM จะสูงขึ้นในไตรมาส 2/66-3/66 ด้วยต้นทุนที่ควบคุมได้ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566-2568 ขึ้น 10.6-11.2% เนื่องจาก CIR ที่ลดลงและ NIM ที่สูงขึ้น NIM จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าต้นทุนเครดิต เราไม่กังวลมากนักกับดอกเบี้ยค้างรับที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจาก 7 ระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ของรัฐบาล ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 24.75 บาท (จาก 20.40 บาท)

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top