PTTGC มั่นใจปีนี้รายได้โตแน่ตามปริมาณผลิตเพิ่ม แม้มาร์จิ้นยังผันผวนตามตลาดโลก

นายจิตศักดิ์ สุนทรพันธุ์ ผู้จัดการฝ่าย หน่วยงานการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 687,899.45 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 1/66 ทำรายได้รวมแล้ว 148,826 ล้านบาท ตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้อยลง และกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาก็ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ดี มาร์จิ้นของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังค่อนข้างผันผวนตามภาวะตลาดโลก

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น (Upstream) โดยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของโรงกลั่นในปีนี้ยังสามารถทำกำไรได้ดี แม้จะมีการย่อตัวลงในไตรมาส 1/66 จากผลิตภัณฑ์หลักๆ อย่าง Gas oil และ ดีเซล และขณะนี้ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์ (Spread) ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 12-14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่เชื่อมั่นว่ายังสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตได้

ส่วนผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของโรงอะโรเมติกส์ ในไตรมาส 1/66 ถือว่าทำได้ดีมาก จากเป็นช่วงของ Seasonal แต่ในช่วงที่เหลือของปีก็อาจมีการอ่อนตัวลงมาบ้าง ขณะที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของโรงโอเลฟินส์ คาดจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ทั้งราคาและการผลิตที่เพิ่มขึ้น

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลาง โดยผลิตภัณฑ์ฟีนอล ยังเป็นปีที่อยู่ภายใต้ความกดดันจากอุปสงค์ของตลาดสินค้าปลายทางในครึ่งปีแรกยังไม่ฟื้นตัว แต่บริษัทคาดว่าจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเปิดประเทศจีน จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมก่อสร้างในครึ่งปีหลังนี้ ด้านธุรกิจ Bio คาดยังทรงตัว

ธุรกิจ Performance Chemical หลักๆ จะมาจาก Allnex โดยช่วงที่เหลือของปีก็คาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่ส่วนแบ่งรายได้จากการลงทุน (JV) ต่างๆ ในครึ่งปีหลังก็คาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีบางตัวน่าจะกลับเข้ามา ซึ่งจะช่วยเสริมผลประกอบการของบริษัท รวมถึงการได้มาของฟีดสต็อก ก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง

นายจิตศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับผลกระทบต่อสต็อก ยังต้องติดตามดูต่อไปว่าในช่วงที่หลือของปีนี้จะเป็นอย่างไร หลังไตรมาส 1/66 มี sock loss บนราคาน้ำมันดิบที่ 78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งคาดปีนี้ราคาน้ำมันดิบจะเฉลี่ยอยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มองว่าอาจมีผลกระทบบ้างในบางไตรมาส โดยบริษัทฯ ก็มีการบริหารจัดการผ่านการ Hedging

ด้านการลงทุนของบริษัทฯ โดยเฉพาะการทำซื้อกิจการ (M&A) หรือการลงทุนขนาดใหญ่ คาดว่าในช่วง 1-2 ปี จะไม่ได้มุ่งเน้นมากนัก เนื่องจากในปีที่ผ่านมามีการเข้าซื้อ Allnex ซึ่งเป็นการลงทุนใหญ่ไปแล้ว

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการปรับปรุงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 (Olefins 2 Modification Project) ซึ่งทำให้โรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 ของบริษัทฯ สามารถใช้โพรเพนเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้เพิ่มขึ้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2/66

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top