ZoomIn: ผ่านโยบาย”ก้าวไกล” หุ้นกลุ่มไหนได้-เสีย?

นักลงทุนจับตาการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลหลังจากชนะการเลือกตั้งและก้าวชึ้นมาเป็นแกนนำประกาศรวบรวมเสียงจากพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ทั้งพรรคเพื่อไทย, พรรคไทยสร้างไทย, พรรคประชาชาติ และ พรรคเสรีรวมไทย รวมทั้งดึงพรรคเป็นธรรมเข้ามาร่วมรัฐบาล 310 เสียง

สิ่งที่น่าสนใจคือการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ จะส่งผลอย่างไรต่อหุ้นในแต่ละกลุ่ม เพราะที่หาเสียงไว่มีมากถึง 300 นโยบาย โดยมีไฮไลท์ อย่าง รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ, ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร, เงินเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาท, ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกปีเริ่มทันที 450 บาท/วัน, เงินผู้สูงวัยเดือนละ 3,000 บาท, ค่าไฟแฟร์ ถูกและเป็นธรรม, กำหนดเพดานปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ตรวจสุขภาพประจำปีฟรี, เพิ่มแต้มต่อให้ SME : หวยใบเสร็จลุ้นรวยเงินล้าน, รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด-เติมเงินท้องถิ่นเพิ่มขนส่งสาธารณะ, หลังคาสร้างรายได้เปิดเสรีโซลาร์เซลล์ เป็นต้น บล.เอเซีย พลัส (ASP) และ

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX)ได้ทำการรวบรวมข้อมูลกลุ่มหุ้นที่ได้ผลดี-ผลเสียต่อนโยบายของพรรคก้าวไกลในเบื้องต้น ไว้ดังนี้

ระหว่างนี้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล-โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงรายละเอียดของการเดินหน้านโยบายต่างๆ ที่พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งได้หาเสียงไว้ ทำให้เกิดความผันผวนในช่วงสั้น ASP แนะกลยุทธ์ เลือกหุ้นได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลใหม่ อย่าง CPN HMPRO COM7 CPN SNNP KCE NEX KTB KBANK

ด้าน InnovestX มีมุมมองการเลือกตั้งต่อเศรษฐกิจไทย ในเบื้องต้นยังคงไม่เห็นนโยบายที่เน้นการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นนโยบายที่เน้นการเพิ่มกาลังซื้อให้กับภาคประชาชน ทั้งนี้ มีประเด็นแนะนำให้ติดตาม คือ นโยบายเศรษฐกิจในประเด็นการสร้างขีดความสามารถของประเทศเพื่อตามให้ทันเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ที่เน้นด้านเทคโนโลยี การเป็นแหล่งผลิตใหม่ทดแทนจีน และพลังงานสะอาด เป็นต้น

มุมมองต่อตลาดหุ้นไทย มองช่วงสั้น (1 เดือนแรกหลังการเลือกตั้ง) ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวและจะตอบสนองเชิงบวก โดยเฉพาะมูลค่าการซื้อขาย หลังจากผ่านการเลือกตั้งไปแล้วและเริ่มต้นสู่กระบวนการตั้งรัฐบาลใหม่ ส่วนระดับการฟื้นตัวขึ้นกับเสถียรภาพและสูตรของรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ดี ระยะถัดไปหลังผ่าน 1 เดือนแรก ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มมีโอกาสผันผวนไปตามสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งคงต้องติดตามต่อไป โดยเฉพาะช่วงเดือน ก.ค.ที่จะเปิดประชุมสภาเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย

สถิติตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้ง หลังการเลือกตั้ง 7 ครั้งที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นในช่วง 1 เดือนแรกหลังเลือกตั้ง โดยจะปรับขึ้นสูงสุดในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังวันเลือกตั้ง จากแรงซื้อหนุนหลักของนักลงทุนต่างชาติ หรือ Fund Flow ที่ไหลเข้ามา หลังจากนั้นตลาดหุ้นไทยจะเริ่มผันผวนและลดพลิกติดลบหลังการเลือกตั้งผ่านไป 1 เดือน

ทั้งนี้ การปรับขึ้นของ SET Index ในช่วง 1 เดือน เมื่อสังเกต NVDR Top buy พบว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่มีแรงซื้อมากสุด นำโดย กลุ่มธนาคาร (BBL KBANK) กลุ่มพลังงาน (TOP PTT PTTEP) และกลุ่มสื่อสาร (ADVANC TRUE)

กลยุทธ์ลงทุน 1) หุ้นรับอานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า หลังรู้ผลเลือกตั้ง BBL KB ANK ADVANC 2) หุ้นคาดหวังประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจดั้งเดิม (Old Economy Economy) HMPRO MAKRO MINT AP และ 3)หุ้นคาดรับประโยชน์นโยบายเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ADVANC BDMS EA AH

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 66)

Tags: , , , , , ,
Back to Top