รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสตาร์ทเครื่องเดินรถปีแรกลุ้นยอด 1.3 แสนเที่ยว/วัน เติมพอร์ตรายได้ BTS กว่า 2 พันลบ.

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง

บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) คาดในงวด 66/67 รถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นทางหลัก จะมีจำนวนผู้โดยสาร 7.0-7.5 แสนเที่ยว/วัน หรือ เพิ่มขึ้น 30% ขณะที่ คาดว่ารถไฟฟ้าสายเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 3 ก.ค.66 ซึ่งบริษัทคาดว่าจำนวนผู้โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.3 แสนเที่ยว/วัน ในปีแรกที่เปิดดำเนินการ จะทำให้รายได้ในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาท ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) บริษัทคาดว่าจะเปิดดำเนินการอย่างเต็มที่ในต้นปี 67

บล.กรุงศรี เผยจากการที่ BTS ประชุม conference call กับนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุนเพื่อสรุปผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4 ปี 65/66 (ม.ค.-มี.ค.66) และให้แนวโน้มผลประกอบการปีงวดปี 66/67 (เม.ย.66-มี.ค.67) โดยมีมุมมองบวกเล็กน้อยกับแนวโน้มกำไรของบริษัท โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจรถไฟฟ้า

โดยประเด็นหลักที่ได้จากการประชุมได้แก่

1) ตั้งเป้าหมายทางการเงินของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นทางหลักที่ดำเนินการโดย BTSGIF (BTS ถือหุ้น 33.33%) เป็นบวกอย่างมาก โดยคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้น 31% มาอยู่ระดับก่อน COVID ระบาดที่ 7.0-7.5 แสนเที่ยว/วัน ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่จะทำให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นคืออานิสงส์จากสายสีเขียวส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ซึ่งจะนำผู้โดยสารมาป้อนให้เส้นทางหลักประมาณ 6.0-6.5 แสนเที่ยว/วัน

2) คาดว่ารถไฟฟ้าสายเหลืองจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 3 ก.ค.66 ซึ่งบริษัทคาดว่าจำนวนผู้โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.3 แสนเที่ยว/วัน ในปีแรกที่เปิดดำเนินการ ซึ่งจะทำให้รายได้ในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาทโดยมี EBITDA margin อยู่ที่ 50% ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในระดับกำไรสุทธิได้ภายในปีแรกที่เปิดดำเนินการ ส่วนสายสีชมพู บริษัทคาดว่าจะเปิดดำเนินการอย่างเต็มที่ในต้นปี 67

3) สำหรับคดีพิพาทกับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด(KT) เกี่ยวกับรายได้ O&M ที่ยังไม่ชำระของสายสีเขียวส่วนต่อขยาย BTS บอกว่าศาลฎีกากำลังอยู่ในกระบวนการขั้นสุดท้ายก่อนจะมีคำตัดสินออกมาก

เป้าหมายส่วนใหญ่ของบริษัท โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับรถไฟฟ้าเป็นไปตามประมาณการของเรา ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการของธุรกิจรถไฟฟ้าเอาไว้เหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณการกำไรของ BTS ในปีนี้ (-8.8%) และปีหน้า (-5.6%) เนื่องจากเราปรับลดประมาณการกำไรของ VGI ไปก่อนหน้าแล้วในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ เนื่องจาก BTS ถือหุ้นประมาณ 52% ใน VGI จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกปรับประมาณการกำไรลงตามไปด้วย

จากการวิเคราะห์ sensitivity เราพบว่า BTS ยังมีมูลค่าถึง 7.76 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคาหุ้นในปัจจุบัน 11% ในกรณีเลวร้ายที่สุดที่ต้องสูญเสียรายได้จากเส้นทางสายหลักไปหลังหมดสัมปทานในปี 2572 หมายความว่าราคาหุ้นที่ร่วงลงมาแรงตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นการตกที่เกินกว่าเหตุ

เรามองว่าปัจจัยที่จะทำให้หุ้น undervalue อย่าง BTS เกิด correction จะมาจากแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น และการชนะคดีที่เป็นข้อพิพาทกับ KT เกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BTS แต่ปรับลดราคาเป้าหมาย SoTP เหลือ 9.46 บาท จากเดิมที่ 10 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดราคาเป้าหมายของ VGI แต่เรามองว่าราคาหุ้นที่ลดลงมาถึง 15% จากต้นปีนี้ได้สะท้อนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ทางการไปมากแล้ว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มิ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top