ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์ พ.ค. โต 12.25% หวังรบ.ใหม่ขยายมาตรการอุดหนุน EV

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน พ.ค.66 อยู่ที่ 86,358 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.25% จากเดือน พ.ค.65 ขณะที่มีมูลค่าการส่งออก 54,969.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.91% จากเดือน พ.ค.65 เนื่องจากยอดขายของประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ยังขยายตัวได้ดี เช่น ญี่ปุ่นโต 25% อินโดนีเซียโต 65% มาเลเซียโต 21% อังกฤษโต 23% ฝรั่งเศสโต 24% สหรัฐฯโต 22% ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปทั้งสิ้น 439,990 คัน เพิ่มขึ้น 17.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าการส่งออก 273,255.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน

“ยอดส่งออกเดือนพฤษภาคมขยายตัวได้ดีตามยอดขายของคู่ค้าต่างประเทศที่เติบโตสองหลัก ยกเว้นเวียดนามที่หดตัว” นายสุรพงษ์ กล่าว

*การผลิต

ในเดือน พ.ค.66 มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ 150,532 คัน เพิ่มขึ้น 16.48% จากเดือน พ.ค.65 โดยผลิตส่งออก 89,709 คันและผลิตขายในประเทศ 60,823 คัน

สำหรับการผลิตส่งออกและผลิตขายในประเทศทั้งรถยนต์นั่งและรถกระบะเพิ่มขึ้นจากฐานต่ำของปีก่อน เนื่องจากขาดแคลนชิปจากสงครามยูเครนและการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน และเพิ่มขึ้น 27.96% จากเดือน เม.ย.66 ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 775,955 คัน เพิ่มขึ้น 6.72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ยอดผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปัญหาขาดแคลนชิปคลี่คลาย” นายสุรพงษ์ กล่าว

*ยอดขาย

ด้านยอดขายรถยนต์ในประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 65,088 คัน เพิ่มขึ้น 0.55% จากเดือน พ.ค.65 และเพิ่มขึ้น 9.34% จากเดือน เม.ย.66 เพราะรถยนต์นั่งที่เติบโตถึง 29.4% จากฐานต่ำในเดือน พ.ค.65 จากการขาดชิ้นส่วนชิปเพราะสงครามยูเครนและการล็อกดาวน์ของประเทศจีนจากโควิด-19 แต่รถกระบะยังคงลดลง 23.3% จากการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อ ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดขายรถยนต์รวม 341,691 คัน ลดลง 4.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ยอดขายรถระบะและรถบรรทุกในประเทศลดลงจากการเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อหลังตัวเลขหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น และมีการนำเข้ารถราคาถูกเข้ามาตีตลาด และหวังว่าช่วงครึ่งปีหลังที่มีรัฐบาลใหม่แล้วเศรษฐกิจจะกลับมาเติบโต” นายสุรพงษ์ กล่าว

โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ฯ กล่าวว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ยังคงเดิม ทั้งยอดการผลิต 1.95 ล้านคัน ยอดส่งออก 1.05 ล้านคัน เนื่องจากคู่ค้ายังมีการเติบโตที่ดี และยอดขายในประเทศ 9 แสนคัน โดยหวังว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดี

ส่วนกรณีสถาบันการเงินของเมียนมาถูกคว่ำบาตรไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ เนื่องจากเมียนมาได้ห้ามนำเข้ารถยนต์ตั้งแต่กลางปี 65 แล้ว ส่วนการส่งออกชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่ลดลงก็เป็นจังหวะดีที่ยอดชขายรถจักรยานยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

*ยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดง

– BEV

ในเดือน พ.ค.66 ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่จำนวน 7,132 คัน เพิ่มขึ้น 355.14% จากเดือน พ.ค.65 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 33,365 คัน เพิ่มขึ้น 485.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

– HEV

ยานยนต์ไฟฟ้าประเภท HEV จดทะเบียนใหม่จำนวน 8,013 คัน เพิ่มขึ้น 49.44% จากเดือน พ.ค.65 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้มียานยนต์ไฟฟ้าประเภท HEV จดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 38,647 คัน เพิ่มขึ้น 42.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

– PHEV

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV จดทะเบียนใหม่จำนวน 1,025 คัน ลดลง 2.94% จากเดือน พ.ค.65 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 5,197 คัน เพิ่มขึ้น 6.89% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ฯ กล่าวว่า นักลงทุนหวังว่ารัฐบาลใหม่จะขยายมาตรการอุดหนุนยานยนต์ไฟฟ้าที่จะหมดลงในสิ้นปีนี้ออกไปอีก ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top