SUN พุ่งแรง 9.32% ส่งซิก Q2/66 โตโดดเด่นตามกำลังผลิต-ดีมานด์ เพิ่มสินค้าใหม่มาร์จิ้นสูง

ราคาหุ้น SUN พุ่งแรง 9.32% หรือเพิ่มขึ้น 0.55 บาท มาที่ 6.45 บาท มูลค่าซื้อขาย 79.28 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.59 น. จากราคาเปิด 6.05 บาท ราคาสูงสุด 6.80 บาท ราคาต่ำสุด 6.05 บาท

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ซันสวีท (SUN) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ SUN ในไตรมาส 2/66 คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าไตรมาส 1/66 ตามกำลังการผลิตข้าวโพดหวานที่เพิ่มขึ้นมามากกว่า 500 ตัน/วัน เป็นไปตามปริมาณวัตถุดิบรับเข้าสูงขึ้น

ประกอบกับ ไตรมาส 2/66 เป็นช่วงที่ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้บริษัทได้รับผลดีจากการส่งเสริมเกษตรกรในการปลูกข้าวโพดหวานอย่างต่อเนื่องเข้ามาอย่างเต็มที่ หลังจากขยายพื้นที่การปลูกไปทั้งภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้คาดว่าไตรมาส 2/66 จะมีปริมาณวัตถุดิบรับเข้าไม่น้อยกว่า 50,000 ตัน

นอกจากนั้น ความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกต่างประเทศ 80% และในประเทศ 20%

นายองอาจ กล่าวว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนผลประกอบการของบริษัท คือการทดลองจำหน่ายสินค้าอาหารพร้อมปรุง (ready to cook) เป็นผักสดตัดแต่ง เช่น ใบกะเพรา โหระพา กะหล่ำปลี ผักบุ้งจีน ชะอม ถั่วฝักยาว พริกขี้หนูสวน มะเขือเทศสีดา แตงกวา ชุดต้มยำ และชุดผักรวม เป็นต้น ผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ 7-11 ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าหมายขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปีนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้ประเมินเป้าหมายรายได้ดังกล่าว แต่มองในแง่ของมาร์จิ้น สินค้าอาหารพร้อมปรุงมีมาร์จิ้นค่อนข้างสูงมากกว่า 2 Digit เมื่อเทียบกับสินค้าข้าวโพดหวานที่มีมาร์จิ้นเพียง 1 Digit คาดว่าจะเข้ามาหนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตในอนาคตได้อย่างมาก

ดังนั้น บริษัทมองแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ก็น่าจะเติบโตจากครึ่งปีแรกด้วย จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นถึง 30% หลังดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ Hydrolock Big Can ที่จะช่วยลดการใช้พลังงาน เพิ่มคุณภาพในการผลิตสินค้า และช่วยลดต้นทุนในการผลิต รวมถึงยังมีออเดอร์ที่รอส่งมอบให้กับลูกค้าอยู่จำนวนมาก รวมทั้งยังคงเดินหน้าส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหวาน โดยมีการประกันราคาตั้งแต่ ณ วันปลูก ทำให้สามารถรักษาระดับของรายได้ และการทำกำไร ซึ่งบริษัทฯ ยังมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 10-15%

ส่วนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท โดยตามนโยบายหากมีการรับออเดอร์จากลูกค้ามาแล้ว บริษัทจะมีการทำป้องกันความเสี่ยงไว้ในระดับหนึ่ง หรือประมาณ 50-70% เพื่อป้องกันความผันผวนของค่าเงิน ทำให้อนาคตข้างหน้ายังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มิ.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top