นักวิชาการ คาดหากส.ค.ตั้งรัฐบาลได้หนุนเม็ดเงินไหลเข้า ชี้ส่งออกโจทย์ใหญ่รัฐบาลใหม่

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในเดือนส.ค. จะส่งผลบวกต่อตลาดการเงินอย่างแน่นอน และจะทำให้กระแสเงินทุนไหลกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น ช่วยผลักดันดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศทดสอบระดับ 1,600 จุดได้

นอกจากนี้ ตลาดพันธบัตรไทยจะมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นโดยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในวันที่ 2 ส.ค.นี้ หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ หากสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในวันที่ 4 ส.ค. จะเป็นปัจจัยสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย คาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทจะปรับตัวแข็งค่าขึ้นอีก แม้การที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยได้รับผลกระทบ แต่ก็สะท้อนกระแสเม็ดเงินไหลเข้ามากขึ้นทั้งในตลาดการเงินและภาคท่องเที่ยว แนวโน้มเงินบาทแข็งค่าจะกระทบต่อการส่งออกภาคบริการท่องเที่ยวไม่มาก สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างช่วงสัปดาห์สุดท้ายเดือนก.ค. พบว่า นั้น นักลงทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุนตลาดพันธบัตร 214 ล้านบาท แม้นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทย 4,285 ล้านบาท แต่น่าจะกลับมาซื้อสุทธิได้ในระยะต่อไป หากการเมืองมีความชัดเจน การแก้ปัญหาทุจริตหุ้นบมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) มีความคืบหน้า มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นแน่นอน กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์น่าจะอยู่ที่ระดับ 33.20-34.20 บาท/ดอลลาร์และโอกาสหลุดระดับ 33 บาท/ดอลลาร์มีความเป็นไปได้

โจทย์ท้าทายรัฐบาลใหม่ คือ ส่งออกทรุด และไม่สามารถก้าวข้ามพ้นกับดักประเทศรายได้ระดับปานกลางได้ การส่งออกที่ทรุดตัวแรงเป็นภาพสะท้อนความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลกนอกเหนือจากกำลังซื้ออ่อนแอลงของประเทศคู่ค้า ส่งออกไทยครึ่งปีแรกหดตัวสูงถึง 5.4% ตัวเลขส่งออกเดือน มิถุนายน ติดลบ 6.4% มีมูลค่าส่งออก 24,826 ล้านดอลลาร์ (848,927 ล้านบาท) แต่คาดว่า ครึ่งปีหลังมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารปรับตัวในทิศทางดีขึ้นจากปัจจัยความหวั่นวิตกเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ปัญหาการถอนตัวจากข้อตกลง Black Sea Grain Initiatives ของรัสเซีย และปัญหาภัยแล้งจากปรากฎการณ์เอลนีโญ อาจเกิดภาวการณ์ตึงตัวของอุปทานตลาดอาหารโลกในระยะต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top