SIRI กวาดยอดโอน 7 เดือน 1.9 หมื่นลบ.จ่อโอนโครงการใหม่แกะกล่องอีก 3.1 พันลบ.ช่วงที่เหลือ

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) กล่าวว่า ความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ ส่งผลให้แสนสิริมีผลงานที่แข็งแกร่ง ด้วยยอดขายในช่วง 7 เดือน ที่มียอดขายรวมถึง 2.7 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 50% จากเป้าหมายยอดขาย 5.5 หมื่นล้านบาท จากการปิดการขายไปถึง 10 โครงการ มูลค่ารวม 2.02 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย โครงการแนวราบ 7 โครงการ ได้แก่ โครงการเศรษฐสิริ ทวีวัฒนา, เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล, เศรษฐสิริ พระราม 5, อณาสิริ กรุงเทพ – ปทุมธานี, อณาสิริ รังสิต – คลอง 2, คณาสิริ ศาลายา – ปิ่นเกล้า, สิริเพลส ราชพฤกษ์ – พระราม 5 และ โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ได้แก่ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ รังสิต, ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต รวมถึงล่าสุดยังปิดการขายคอนโดมิเนียม เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ทำเลห้าแยกลาดพร้าว ตอกย้ำความมั่นใจในตลาดคอนโดมิเนียม

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการโอนที่โดดเด่นในรอบ 7 เดือน โดยมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 1.9 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 46% จากเป้าหมายยอดโอนทั้งปี 4.1 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีหลังของปี 66 เตรียมโอนอีก 3 โครงการแนวสูงและแนวราบ มูลค่ารวม 3.1 พันล้านบาท ได้แก่ เฮย์ หัวหิน (HAY HUA HIN) Affordable คอนโดมิเนียมแต่งพร้อมอยู่โครงการล่าสุดของแสนสิริที่หัวหิน และ เนีย บาย แสนสิริ (NIA by Sansiri) คอนโดใหม่จากซีรี่ย์ One of a Kind Project ที่จะเป็นโครงการคอนโดสูงในสุขุมวิท ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท ที่พร้อมโอนในเดือนกันยายนนี้

รวมทั้งโครงการแนวราบที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในปีนี้ เตรียมเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวพร้อมโอน “บูก้าน พัฒนาการ” บ้านเดี่ยวรูปแบบ Luxury Private Villa เพียง 17 ยูนิต ราคา 65 – 115 ล้านบาท ในปลายเดือนกันยายนที่จะรองรับการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยล่าสุด แสนสิริมี Secured Revenue หรือรายได้ในมือที่รองรับแล้วถึง 2.97 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 70% จากเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ในปีนี้ 41,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้อย่างแน่นอน

สำหรับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดอีก 39 โครงการ มูลค่ารวม 5.67 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 23 โครงการ มูลค่ารวม 3.59 หมื่นล้านบาท ไฮไลท์ด้วยการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ เศรษฐสิริ 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.19 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมทุกทำเล และแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมอีก 16 โครงการ มูลค่ารวม 20,800 ล้านบาท ไฮไลท์ด้วยการเปิดตัว New Luxury Condominium ในสุดยอดทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ได้แก่ “ราชเทวี”และ “อารีย์” เพื่อผลักดันการเติบโตของยอดขายและตุนยอดรับรู้รายได้ในอนาคต

“ผลงานยอดขายที่ดีตั้งแต่ต้นปี มาจากความเชื่อมั่นของลูกค้าในการเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน” จากการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในด้านคุณภาพ ดีไซน์ รวมถึงการบริการ หรือ Sansiri Service ในการมอบบริการที่ดีที่สุดทั้งก่อนและหลังการขาย รวมไปถึง LIV-24 ที่ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมงมาตรฐานแสนสิริ พร้อมเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลทุกจุดในโครงการ พร้อมพริวิเล็จมากมายจากแสนสิริ แฟมิลี่ ตอกย้ำความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้าแสนสิริ ด้วยยอดขายและการทยอยรับรู้รายได้ที่ดี ขณะที่ผู้ถือหุ้นให้ความเชื่อมั่นสูง สะท้อนจากหุ้น SIRI ที่มีความแข็งแกร่ง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหุ้นที่ถูกรวมอยู่ในดัชนี SETHD (SET High Dividend) จากการเป็นหุ้นที่มี Market cap สูง, Liquidity สม่ำเสมอ และจ่ายปันผลสูงต่อเนื่องอีกด้วย” นายอุทัย กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top