อิหร่านอาจปล่อยตัวชาวมะกัน 5 รายในข้อตกลงยุติอายัดทรัพย์ – ปล่อยตัวชาวอิหร่าน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (10 ส.ค) ว่า อิหร่านอาจปล่อยตัวพลเมืองชาวอเมริกัน 5 คนที่ถูกควบคุมตัวไว้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อยกเลิกการอายัดเงินทุนมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของอิหร่านที่อยู่ในเกาหลีใต้ โดยนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแสดงการคาดการณ์ว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยให้ชาวอเมริกันกลุ่มดังกล่าวได้กลับประเทศ

กลุ่มชาวอเมริกันดังกล่าวเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอิหร่าน ประกอบด้วย นายเซียมัค นามาซี นักธุรกิจ วัย 51 ปี นายอีมาด ชาร์กี นักธุรกิจ วัย 58 ปี นายโมราด ตาห์บาซ นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วัย 67 ปี ซึ่งถือสัญชาติอังกฤษด้วย ส่วนอีก 2 คน นั้นไม่มีการเปิดเผยชื่อออกสู่สาธารณะ

นายจาเร็ด เกนเซอร์ ทนายความของนายนามาซี กล่าวว่า ขั้นตอนแรกของแผนการดังกล่าวอาจนำไปสู่กระบวนการต่าง ๆ ที่ซับซ้อน โดยขณะนี้อิหร่านได้อนุญาตให้นายนามาซี นายตาห์บาซ นายชาร์กี และชาวอเมริกันไม่ทราบชื่ออีก 1 คน ย้ายออกจากเรือนจำอีวิน ในกรุงเตหะราน เพื่อมาคุมขังในบ้าน ส่วนอีกคนที่เหลือนั้นถูกนำตัวมาคุมขังภายในบ้านก่อนหน้าแล้ว

“ผมเชื่อว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดฝันร้ายของพวกเขา” นายบลิงเกนกล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงวอชิงตัน แต่ชี้ว่ากรณีดังกล่าวเป็นเพียงขั้นตอนแรกของกระบวนการเท่านั้น “ยังต้องมีการดำเนินการต่าง ๆ อีกมาก เพื่อพาพวกเขากลับบ้านให้ได้”

นางอาเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวยืนยันว่า ชาวอเมริกันทั้ง 5 คนได้ออกจากเรือนจำแล้ว และถูกคุมขังอยู่ภายในบ้าน แต่พวกเขาไม่ควรถูกควบคุมตัวเช่นนี้ และทำเนียบขาวยังคงต้องเจรจาต่อไปเพื่อให้พวกเขาได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ “ยังคงดำเนินอยู่ และเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน”

ด้านคณะผู้แทนของอิหร่านประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งของข้อตกลงก็คือ สหรัฐจะต้องปล่อยตัวชาวอิหร่านบางคนที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำสหรัฐด้วย

ทั้งนี้ การพาตัวชาวอเมริกันทั้ง 5 คนดังกล่าวออกจากอิหร่านอาจใช้เวลานานหลายสัปดาห์ และหากทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เรื่องนี้อาจช่วยสมานความร้าวฉานระหว่างสหรัฐกับอิหร่านได้ โดยสหรัฐและอิหร่านมีความขัดแย้งในหลายประเด็นตั้งแต่โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านไปจนถึงการที่อิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธชาวชีอะห์ในพื้นที่

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ส.ค. 66)

Tags: ,
Back to Top