SFT กำไรสุทธิ Q2/66 พุ่ง 298%QoQ รับยอดขายทุกกลุ่มโตเด่น ปีนี้คาดรายได้รวมแตะ 1 พันลบ.

นายซุง ชง ทอย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) (SFT) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 246.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.22% และมีกำไรสุทธิ 13.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 298% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งมีปัจจัยมาจากยอดขายของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปแบบกราเวียร์และแบบดิจิทัล รวมถึงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible Packaging) หลังจากได้เปิดบูทในงานแสดงสินค้า ThaiFex2023 ช่วยขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ และฐานลูกค้าเดิมในกลุ่มเครื่องดื่มมีออเดอร์เพิ่มขึ้นรองรับช่วงฤดูกาลขายสินค้า

นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรมพาลูกค้าเข้าเยี่ยมชมฐานการผลิตแห่งที่ 2 ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตและคุณภาพ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ควบคู่กับการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้การดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 481.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 16.59 ล้านบาท อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ทำให้มีต้นทุนค่าแรงของพนักงานและค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรของโรงงานแห่งใหม่เพิ่มขึ้น

ส่วนทิศทางการดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตสู่เป้าหมายรายได้รวม 1,000 ล้านบาท โดยจะนำศักยภาพการผลิตรองรับออเดอร์ของลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปทำให้เกิด Economy of Scale รวมถึงจะมุ่งผลักดันกลุ่มบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนที่จะเห็นการเติบโตขยายตัวอย่างโดดเด่น หลังจากโรงงานแห่งใหม่ได้ใบรับรองมาตรฐาน BRC ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัย คุณภาพ และการดำเนินการสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อตอกย้ำถึงมาตรฐานการผลิตที่ได้มาตรฐานในระดับสากล

ขณะเดียวกันบริษัทมีนโยบายบริหารจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบโดยสต๊อกวัตถุดิบล่วงหน้า 4-5 เดือน เพื่อบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีผลต่อราคาต้นทุนวัตถุดิบ ตลอดจนการลงทุนติดตั้ง Solar Rooftop ที่ดำเนินการแล้วเสร็จจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ดียิ่งขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top