RATCH เผย H1/66 รับรู้รายได้โรงไฟฟ้าที่ซื้อมาปีก่อน 6 โครงการหนุนกำไรไม่รวม FX โต 1.6%

นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ราช กรุ๊ป (RATCH) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 66 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรับรู้กำไรสุทธิ จำนวน 3,573 ล้านบาทลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,775 ล้านบาท และหากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรในรอบนี้เพิ่มขึ้น 1.6% เทียบกับงวดเดียวกันของปี 65

นอกจากนี้บริษัทฯ ได้รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่เข้าซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่ผ่านมาจำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้น รวม 450.5 เมกะวัตต์ เสริมส่งให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตขึ้น 11.8% เป็นจำนวน 7,798 ล้านบาท

ในรอบ 6 เดือนแรกปีนี้ รายได้จากสินทรัพย์โรงไฟฟ้าที่ลงทุนใหม่ได้เข้าช่วยเสริมหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าราช เอ็นเนอร์จี ระยอง ซึ่งรับรู้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 49.98 เมกะวัตต์ ทำให้กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมเป็น 98 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย 3 แห่ง ได้แก่ พลังงานลมลินคอล์น แก็ป 1&2 กำลังผลิตติดตั้งรวม 212 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้า สแนปเปอร์ พอยท์ กำลังการผลิตติดตั้ง 154 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าในเวียดนาม 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำค๊อคซาน กำลังการผลิตติดตั้ง 17.37 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำซ็องเกียง 2 กำลังผลิตติดตั้ง 17.10 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ยังมีกำไรดีขึ้นอันเป็นผลจากการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร จึงช่วยทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรกนี้เติบโตอย่างมั่นคง

“เป้าหมายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ มุ่งเน้นที่การเข้าซื้อโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์แล้วและมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่แน่นอนเพื่อสร้างความมั่นคงของรายได้ทดแทนรายได้ของโรงไฟฟ้าที่จะครบอายุสัญญา ซึ่งโรงไฟฟ้าที่บริษัทฯ เข้าซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้เริ่มให้ผลตอบแทนแล้วในปีนี้ ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา ซึ่งทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 66 จนถึงปี 76 มีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 2,659.31 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังจะขยายการลงทุนในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตและความมั่นคงของบริษัทฯ ในระยะยาว” นางสาวชูศรี กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 30,137 ล้านบาท มาจากกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า จำนวน 29,035 ล้านบาท คิดเป็น 96% ของรายได้รวม ประกอบด้วย รายได้ของโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล จำนวน 25,223 ล้านบาท (87%) และรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน จำนวน 3,812 ล้านบาท (13%) ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Non-Power มีรายได้เติบโตเป็นจำนวน 1,102 ล้านบาท คิดเป็น 4% ของรายได้รวม

ฐานะการเงินปัจจุบัน (ณ วันที่ 30 มิ.ย.66) บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 228,905 ล้านบาท หนี้สินรวม จำนวน 118,832 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 110,073 ล้านบาท สำหรับความมั่นคงและแข็งแกร่งของสถานะการเงินของบริษัทฯ สะท้อนจากอัตราส่วนสภาพคล่อง อยู่ที่ระดับ 1.21 เท่า และหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 1.08 เท่า และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.81% ตลอดจนอันดับเครดิตขององค์กรอยู่ในระดับความน่าเชื่อถือแข็งแกร่งจากสถาบันในประเทศ และต่างประเทศ โดย TRIS Ratings ที่ระดับ AA+, Moody’s Ratings ที่ระดับ Baa1 และ S&P Global Ratings ที่ระดับ BBB-

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top