CPW ส่งสัญญาณ H2 โตกว่า H1 รับสินค้าใหม่เปิดตัว-เข้าไฮซีซั่น จับมือพันธมิตรเสริมพอร์ต

นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คอปเปอร์ ไวร์ด (CPW) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง มองว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากสินค้าใหม่ทยอยเปิดตัว โดยเฉพาะรุ่นเรือธงจากแบรนด์ Apple รวมถึงการเติบโตผ่านช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่ง และครอบคลุม โดยกลยุทธ์การขยายสาขา มองว่าในช่วงครึ่งปีแรกและปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายสาขาเป็นจำนวนมาก ในปีนี้จึงไม่เน้นขยายสาขาเพิ่ม แต่มีแผนในการขยายช่องทางใหม่ๆ โดยในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ CPW อยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรเพื่อ Synergy ในด้านช่องทางการจำหน่ายร่วมกัน รวมถึง การเฟ้นหาสินค้าแบรนด์ไลฟ์สไตล์และ IoT เข้ามาเสริมพอร์ต ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภค

โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 บริษัทฯ มีร้านค้าปลีกภายใต้การบริหารงานจำนวน 103 สาขา ประกอบด้วย ร้าน dotlife (ดอทไลฟ์) จำนวน 24 สาขา, ร้าน Apple Brand Shop จำนวน 25 สาขา (แบ่งเป็น iStudio by copperwired จำนวน 16 สาขา U.Store by copperwired จำนวน 8 สาขา และ Ai_ จำนวน 1 สาขา), ศูนย์บริการ iServe จำนวน 3 สาขา, ร้าน AIS จำนวน 27 สาขา, Samsung จำนวน 19 สาขา และ ร้าน Xiaomi จำนวน 5 สาขา

“ปีนี้เป็นต้นไป เราจะจับมือกับบิ๊กแบรนด์ชั้นนำ เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าไปยังผู้บริโภค ซึ่งไม่ใช่แค่ช่องทางรีเทลของ CPW เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เรายังศึกษาความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อปูพรมช่องทางการจำหน่ายที่กว้างขึ้น เข้าถึงมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคมนี้” นายปรเมศร์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 มองว่ายังเป็นไปตามเป้าหมายจากสินค้าที่ CPW จัดจำหน่ายยังคงเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคให้การตอบรับที่ดี ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมา แม้การจับจ่ายยังซบเซา ซึ่งทุกประเทศได้รับผลกระทบ มองครึ่งหลังจะค่อย ๆ ฟื้นตัว พ่วงด้วยปัจจัยภายในประเทศสนับสนุน

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/66 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟน ได้อานิสงส์ iPhone และสินค้าใหม่ทยอยเปิดตัวและวางจำหน่าย สนับสนุนให้ CPW มีสินค้าไฮไลต์กลุ่ม 5G เข้ามาเพิ่ม ปี 2566 มองว่าเป็นยุคของสินค้าเทคโนโลยีดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่จะเติบโตสูงตามความต้องการของผู้บริโภค โดยในปีนี้ปัจจัยลบเกี่ยวกับซัพพลายสินค้ามองว่าไม่มีแล้ว เชื่อว่าจะผลักดันรายได้รวมทั้งปี 2566 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างน้อยที่ 20% จากปีก่อน และพยายามเน้นการสร้างผลกำไร รวมถึงเน้นการขยายช่องทางโปรดักส์ใหม่ๆ เพื่อเสริมพอร์ตสินค้า และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนผลงานของบริษัทให้เติบโตแข็งแกร่ง

โดยล่าสุด ประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทในงวด 6 เดือน (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2566) บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการ 3,486.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 52.56 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.53 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของของรายได้จากการขายสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตลดลง และมีกำไรสุทธิ 28.89 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้น 454.29 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 13.03% เพิ่มขึ้นจากรายได้จากการขายสินค้าประเภทดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าสินค้าประเภทอื่น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top