นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เข้าร่วมงาน Thairath Forum 2023 ในหัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” โดยกล่าวว่า ในส่วนของนโยบายของรัฐบาลนั้น หากนโยบายใดทำได้ ก็จะทำก่อน ไม่อยากให้รอครบทุกมิติ เช่น เรื่องค่าไฟ ค่าน้ำมันดีเซล รวมถึงค่าไฟฟ้า ที่สามารถปรับลดลงได้บ้างแล้ว แม้จะยังไม่มากตามที่เรียกร้องมา
ทั้งนี้ จะหารือกับนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. (PTT) เพื่อเจรจาเรื่องค่าไฟฟ้า ที่ขณะนี้สามารถปรับลดลงไปอยู่ที่ 4.10 บาท/หน่วยแล้ว แต่อยากให้ลดลงมากกว่านี้อีก ซึ่งจะได้สั่งการและเจรจาให้ลงมาแตะที่ระดับเลข 3 หากได้รับความร่วมมือ ก็อาจจะได้เห็นเร็วขึ้น
นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงการผลักดันเรื่องการท่องเที่ยว ที่จะเป็นเรื่องสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะที่ ครม. อนุมัติวีซ่าฟรี ให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานไปแล้ว คาดว่าจะได้เงินเข้าประเทศจากวีซ่าฟรีประมาณ 35,000 ล้านบาท นอกจากนี้ คาดว่าในช่วงปลายปี จะมีโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศอินเดีย เพื่อหารือเรื่องเที่ยวบินในการรองรับนักท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
ส่วนประเด็นเรื่องทุนจีนสีเทาที่หลายฝ่ายกังวล ก็ได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงไปดูแล ซึ่งการที่วีซ่าฟรี ไม่ได้หมายความว่าจะให้กับกลุ่มที่มีแบล็คลิสต์ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเจ้าหน้าที่ก็จะต้องเข้มงวดต่อไป การมีนโยบายดีๆ ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ หากยังมีปัญหาเก่าอยู่ ซึ่งปัญหาเก่าก็ต้องสะสางกันไป
นอกจากนี้ นายกฯ ได้ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว รวมถึงได้มีการพูดคุยกับสายการบินเพื่อเพิ่มขนาดเครื่องบิน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเที่ยวบิน ซึ่งจากการเดินทางลงพื้นที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีกระแสตอบรับที่ดี ผู้ประกอบการบอกมีสัญญาณที่ดี มีการจองมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนนโยบายเศรษฐกิจนั้น จากที่ปัจจุบันเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยดี สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการได้ก็จะทำก่อน เช่น พักหนี้เกษตรกร โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้มีการมอบหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องไปแล้ว และครั้งต่อไปก็จะออกนโยบายระยะสั้นมาช่วยเหลือในหลาย ๆ ภาคส่วน เช่น เกษตรกร ครู ดิจิทัลวอลเล็ต ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในระยะสั้น ระยะยาวคือ เพิ่มรายได้เกษตรกร ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญ ต้องมีการให้ความรู้แก่เกษตร เพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มผลผลิต
- ยันดิจิทัลวอลเล็ต เห็นแน่ภายในไตรมาส 1/67
ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะดำเนินการให้ได้ ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า และไม่จำเป็นต้องถกเถียงว่าเป็นประชานิยมหรือไม่ เพราะหลายรัฐบาลก็มีการทำเรื่องนี้เพื่อนำเงินใส่กระเป๋าให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องพูดคุยรายละเอียดทั้งเรื่องของระยะทาง ที่อยากให้มีการจับจ่ายในหัวเมืองต่างๆ ของแต่ละจังหวัด ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ในระยะสั้น โดยเชื่อว่า ก่อนที่จะประกาศความชัดเจนว่าจะเริ่มเมื่อใด คาดว่าจะมีการเร่งผลิต และการจ้างงานเพื่อมารองรับ รวมถึงแนะให้ผู้ประกอบการทำการตลาด เพื่อทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) ที่สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 18-24 ก.ย. ว่าจะมีการพูดคุยเรื่องจับคู่ธุรกิจ (Business matching) นำการลงทุนมายังประเทศไทยมากขึ้น เพื่อสานต่อการทำงาน ดึงดูดการลงทุน โดยมองว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งทั้งในเรื่องทำเลที่ตั้ง ความพร้อมด้านโครงสร้างสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งสนามบิน ท่าเรือ ความพร้อมของกฎหมาย และรัฐบาลพยายามปรับปรุงให้เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น ภาคเอกชนไทยแข็งแกร่ง โดยจะเน้นย้ำให้ภาคธุรกิจเห็นถึงความพร้อมของไทยในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในเรื่องโรงพยาบาลที่มีความพร้อม และมีศักยภาพ โรงเรียนนานาชาติ รวมถึงคนไทยอัธยาศัยดี สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม
- พร้อมเคาะค่าแรงขั้นต่ำใหม่ พ.ย.66
ทั้งนี้ ตัวชี้วัดของนายกรัฐมนตรี คือ ระยะเวลา และ GDP ส่วนในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ คือหนึ่งในมาตรการระยะสั้น ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ นอกเหนือจากการลดค่าใช้จ่าย คือเพิ่มรายได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า ก่อนปีใหม่หรือประมาณพฤศจิกายน 2566 จะสามารถประกาศค่าแรงขั้นต่ำได้
ส่วนเรื่องราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น นายกฯ ยอมรับว่าอาจจะยากที่จะทำให้ได้ภายใน 3 เดือน แต่ก็จะเริ่มดำเนินการในทันที ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มการทำงานแล้วโดยได้พูดคุยกับนักกฎหมาย จากปัญหาสะสมมานาน ทั้งเรื่องค้างค่าใช้จ่ายกับภาคเอกชน การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม การเชื่อมต่อระบบ การใช้ตั๋วร่วมใบเดียว
ส่วนสถานการณ์เอลนีโญนั้น ต้องมองหาพืชอื่นที่มาปลูกทดแทนข้าว ซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำมากในการเพาะปลูก และต้องมีการบริหารจัดการน้ำที่ดี ขณะที่น้ำในส่วนของการบริโภค การใช้ในระบบนิเวศ และในภาคอุตสาหกรรม จะไม่ขาดแคลนแน่นอน
“ปัญหาใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นใน 3-4 ปีข้างหน้า คือ คาดว่าจะมีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นเยอะ ในส่วนภาคเกษตรเป็นภาคส่วนใหญ่ที่รัฐบาลต้องหาแนวทางแก้ปัญหาให้ได้ และท้องถิ่น ถ้ามีงบต้องรีบดำเนินการทันที ทำฝาย ขุดลอกคลอง โดยได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งมีอุปกรณ์และทหารพัฒนา ทั้ง 2 ท่านก็พร้อมช่วยดูแลป้องกันภัยแล้งที่เกิดขึ้น” นายกรัฐมนตรี ระบุ
- ย้ำจุดยืนไทยรักษาความเป็นกลางในเวทีโลก
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลตระหนักดีว่า ไทยเป็นประเทศเล็ก ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคและภูมิศาสตร์ที่เป็นที่หมายปองของหลายๆ ชาติ และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา และจีน มีความร่วมมือทางการค้าจำนวนมาก เป็นภาคส่วนที่สำคัญในอนาคตที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นไทยต้องรักษาความเป็นกลาง เป็นจุดยืนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเวทีโลก คำนึงถึงผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน นำเข้ามาเป็นองค์ประกอบตัดสินใจควบคู่ไปกับทางด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
“วันนี้จะเดินทางไปสหประชาชาติ จะไปพบผู้นำให้มากที่สุด เชื้อเชิญมาประเทศไทย ทั้งเรื่องการลงทุน ความมั่นคง ทำอะไรก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องบริหารจัดการกันไป เรื่องการค้าระหว่างประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญ ต้องนำมาพิจารณา และบริหารจัดการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
- จัดเก็บภาษีแก้เหลื่อมล้ำ
ส่วนประเด็นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ นายกฯ ได้พูดคุยทั้งในเรื่องภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน ภาษีมรดก ภาษีลดความเหลื่อมล้ำทั้งหลาย ซึ่งภาษีมรดกที่จัดเก็บได้ประมาณ 200 ล้านต่อปี โดยหลักการของภาษีคือ มีรายได้มาก็ต้องจ่ายภาษี ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากอะไร ในอัตราที่เหมาะสม
ส่วนกรณีที่กรมสรรพากร มีคำสั่งเกี่ยวกับการเสียภาษีเงินได้ที่เกิดจากการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งถ้าเป็นการนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ไม่ว่าจะนำเงินได้เข้ามาปีใด ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีในปีนั้น โดยเริ่มบังคับใช้ 1 ม.ค.67 นั้น เป็นนโยบายที่ดี ซึ่งต่อยอดมาจากรัฐบาลชุดก่อนที่ดูแลเรื่องความเหลื่อมล้ำ โดยรัฐบาลชุดนี้จะมีมาตรการออกมาเรื่อย ๆ โดยยึดหลักว่าต้องตอบโจทย์ และยุติธรรมกับทุกฝ่าย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ย. 66)
Tags: Thairath Forum 2023, ค่าแรงขั้นต่ำ, ดิจิทัลวอลเล็ต, เศรษฐา ทวีสิน