รวบแล้ว! เด็กวัย 14 ปีพร้อมอาวุธมือยิงกลางพารากอน พบผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ

เกิดเหตุแตกตื่นกลางห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน หลังมีเสียงดังคล้ายปืนหลายนัด บริเวณชั้น M ทำให้ผู้คนภายในห้างต่างวิ่งหนีออกจากห้างกันอลหม่าน และยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งติดอยู่ด้านใน โดยขณะนี้ยังไม่ทราบผู้ก่อเหตุ และรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่สถานีโทรทัศน์เผยแพร่รูปผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุเป็นชายผู้หนึ่ง

เจ้าหน้าที่ สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเบื้องต้นว่ามีเหตุยิงกันในห้างสยามพารากอนเมื่อเวลาประมาณ 16.20 น. จึงได้ส่งกำลังส่วนหนึ่งเข้าไประงับเหตุ ขณะนี้รอรับรายงานอยู่

ขณะที่ พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 กล่าวว่า เหตุการณ์ยิงกันในห้างพารากอน ย่านปทุมวัน เป็นเรื่องจริง ตำรวจ สน.ปทุมวัน อยู่ระหว่างการอพยพประชาชนที่อยู่ภายในที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงออกจากห้างฯ และ ร้านค้าภายในศูนย์การค้าได้ทยอยปิดให้บริการแล้ว ส่วนจุดที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัด แต่เบื้องต้นผู้ก่อเหตุยังคงอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ

เจ้าหน้าที่ฝากเตือนประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงและที่จะผ่านไปแถวนั้นขอให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย เพราะผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุด

ล่าสุด เมื่อเวลา 17. 30 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทร รายงานว่า จากเหตุการณ์คนร้ายยิงใส่ประชาชนในสยามพารากอนมีผู้เสียชีวิต แต่ยังไม่ระบุแน่ชัดว่ากี่ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่งถูกนำตัวส่งกระจายไปยัง รพ.ใกล้เคียง เช่น รพ.ตำรวจ

ขณะที่มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว เป็นเด็กชายอายุ 14 ปี แต่งกายด้วยเสื้อสีดำกางเกงลายพราง สวมหมวกแก็ป พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนกล็อก-19 ขนาด 9 มม. โดยคนร้ายยอมวางอาวุธและมอบตัว เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวไว้ได้ที่บริเวณชั้น 3

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก. สส. บช.น.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถควบคุมสถานการณ์ภายในศูนย์การค้าสยามพารากอนได้แล้วทั้งหมด 100% โดยจับกุมตัวคนร้ายได้แล้วเป็นเด็กชายอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว และยังไม่ทราบสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุ

ทั้งนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน และมีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top