กต.ไทยเผยสถานการณ์ในอิสราเอลยังรุนแรง เร่งอพยพแรงงานไทยกลับประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศของไทยเผยแพร่สรุปการแถลงข่าวในประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลประจำวันนี้ (10 ต.ค.) ผ่านทางเว็บไซต์ โดยระบุว่า สถานการณ์ในอิสราเอลยังคงรุนแรง โดยยังมีการโจมตีด้วยจรวดจากฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง แต่กองทัพอิสราเอลสามารถกระชับพื้นที่ในเขตเมืองต่าง ๆ ได้สำเร็จ และอพยพคนออกจากฉนวนกาซาได้แล้ว 15 จากทั้งหมด 24 เมือง

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานว่า สถานการณ์ในอิสราเอลยังคงรุนแรง มีการโจมตีด้วยจรวดจากฉนวนกาซายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงวันที่ผ่านมา รัศมีการโจมตีขยายวงจากรอบฉนวนกาซาไปยังกรุงเทลอาวีฟและเมืองโดยรอบ และนครเยรูซาเล็ม ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่มีรัศมีกว้างและมุ่งเป้าทำลายระบบโครงสร้างพื้นฐานของอิสราเอลอย่างเด่นชัด ในขณะที่กองทัพอิสราเอลก็ได้ทำการโจมตีฝ่ายตรงข้ามและตัดน้ำตัดไฟบริเวณฉนวนกาซาเช่นกัน

ขณะที่ กองทัพอิสราเอลประกาศว่า สามารถกระชับพื้นที่ในเขตเมืองต่าง ๆ ได้สำเร็จ และได้อพยพคนออกจากเมืองรอบฉนวนกาซาได้แล้ว 15 จากทั้งหมด 24 เมือง แต่อาจยังมีผู้ก่อการร้ายหลงเหลือในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีการเรียกกำลังสำรองมากกว่า 300,000 คน ซึ่งถือเป็นการระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล

ทางการอิสราเอลยืนยันว่า จะช่วยเหลือและดูแลคนทุกชาติในอิสราเอลอย่างเท่าเทียมและเต็มที่

ในส่วนของความคืบหน้าและผลกระทบต่อคนไทยในอิสราเอลนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับแจ้งจากนายจ้างในพื้นที่ว่า มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 6 ราย รวมเสียชีวิต 18 ราย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางการอิสราเอล ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บคนไทยยังคงเป็น 9 ราย

กองทัพอิสราเอล พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันอพยพแรงงานไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยสูงสุดจากบริเวณไม่เกิน 4 กิโลเมตรรอบฉนวนกาซา โดยคนไทยเป็นส่วนหนึ่งในหลายร้อยคนจากทุกชาติที่ได้รับการเคลื่อนย้ายให้ไปพักอาศัยและทำงานในพื้นที่ปลอดภัย ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้สนับสนุนการแจ้งที่อยู่ของแรงงานที่ขอความช่วยเหลืออพยพให้ทางการอิสราเอลทราบด้วย

ตำรวจอิสราเอลร่วมมือกับองค์กรเอกชนจะใช้เทคโนโลยี cyber จดจำใบหน้าในการค้นหาและติดตามผู้สูญหายและผู้ที่ติดต่อไม่ได้ สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างสนับสนุนการจัดส่งรายชื่อผู้ที่ญาติไม่สามารถติดต่อได้

ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตหลายแห่งในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ติดต่อฝ่ายปาเลสไตน์และกระทรวงการต่างประเทศของประเทศต่าง ๆ เพื่อแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับแรงงานไทยในอิสราเอลและขอให้สนับสนุนการช่วยเหลือคนไทยด้วยแล้ว

ด้านการดำเนินการของไทยนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ จะส่งแรงงานไทยครั้งที่ 1 จำนวน 15 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับการรักษาจนสามารถเดินทางได้ 4 คน และแรงงานไทยที่ได้รับการอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย 11 คน รวมเป็น 15 คน โดยเครื่องบินพาณิชย์กลับประเทศไทยในวันที่ 11 ต.ค. 2566 ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ เวลา 21.45 น. โดยสายการบิน Israel Airlines (เที่ยวบินที่ LY083) และถึงกรุงเทพฯ 12 ต.ค. 2566 เวลา 10.35 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ กำลังจัดเที่ยวบินอพยพแรงงานไทยเพิ่มเติม ซึ่งเที่ยวต่อไปน่าจะมีขึ้นในวันที่ 18 ต.ค. 2566 จำนวน 80 ที่นั่ง

รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2566 ผู้แจ้งความประสงค์จะขอขึ้นเครื่องบินอพยพเพื่อเดินทางกลับไทยแล้วจำนวน 3,226 คน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ต.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top