กต.ไทย–มะกันเตือนพลเมืองทบทวนการเดินทางไปอิสราเอล หวั่นความปลอดภัย

กระทรวงการต่างประเทศของไทยประกาศเตือนพลเมืองไทยให้ทบทวนความจำเป็นในการเดินทางไปยังอิสราเอลในช่วงนี้ โดยอาจชะลอหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางจนกว่าสถานการณ์จะสงบ หลังเกิดการสู้รบระหว่างกลุ่มฮามาสชาวปาเลสไตน์กับอิสราเอลตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุผ่านทางเอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์ในวันนี้ (12 ต.ค.) ว่า “ตามที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในรัฐอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2566 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนั้น กระทรวงการต่างประเทศขอให้คนไทยที่มีแผนการจะเดินทางไปเยือนอิสราเอลในช่วงนี้ ทบทวนความจำเป็นในการเดินทาง โดยอาจชะลอหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางจนกว่าสถานการณ์จะสงบ

สำหรับคนไทยที่อยู่ในอิสราเอลขอให้ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด อาทิ การเข้าห้องหลบภัยทันทีที่ได้ยินเสียงไซเรน การไม่ออกจากที่พักอาศัย และการใช้ความระมัดระวังในการเดินทางอย่างสูงสุด ติดตามข่าวสารและพัฒนาการล่าสุดจากสื่อต่าง ๆ และเว็บไซต์ รวมถึงเฟซบุ๊กเพจของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ โดยหากได้รับผลกระทบหรือมีข้อห่วงกังวลโปรดติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟที่หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน (+972) 546368150

สำหรับผู้ที่ประสงค์จะขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสอบถามเกี่ยวกับญาติที่ทำงานหรือพำนักอยู่ในอิสราเอล สามารถติดต่อ Call Center กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศที่หมายเลข 0 2572 8442 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

หรือติดต่อหมายเลขฉุกเฉินของกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศที่หมายเลข 06 4019 8530, 06 4019 8907 และ 09 9616 4786 (ปิดให้บริการตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2566) หรือที่หมายเลข 0 2575 1047-51 และ 0 2575 1053 (ในวันและเวลาราชการ)”

ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐได้ยกระดับคำแนะนำสำหรับการเดินทางไปยังอิสราเอลและเวสต์แบงก์ขึ้นสู่ระดับ 3 โดยขอให้พลเมืองอเมริกันทบทวนเรื่องการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากเกิดเหตุก่อการร้ายและก่อความไม่สงบ

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐได้คงระดับคำแนะนำสำหรับการเดินทางเยือนฉนวนกาซาไว้ที่ระดับ 4 โดยระดับดังกล่าวเป็นการเตือนไม่ให้พลเมืองอเมริกันเดินทางเยือนพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากมีการก่อการร้าย การก่อความไม่สงบ และความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ต.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top