หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับตัวลงตามภูมิภาค กังวลสงครามในตะวันออกกลางขยายวงกว้าง

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามภูมิภาค จากความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางอาจขยายวงกว้าง หลังอิหร่านเตือนพร้อมเข้าแทรกแซง หากอิสราเอลยังเดินหน้าบุกโจมตีภาคพื้นในฉนวนกาซา ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเมื่อวันศุกร์ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้วันนี้อาจเห็นแรงขายลดความเสี่ยงออกมา แต่อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกือบ 6% คาดจะเข้ามาหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และดัชนีไม่ให้ปรับตัวลงแรง ให้แนวรับไว้ที่ 1,442-1,443 จุด และแนวต้าน 1,460-1,470 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ตอบรับ Sentiment เชิงลบ จากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่อาจขยายวงกว้าง หลังอิหร่านออกมาเตือนอิสราเอลผ่านทางสหประชาชาติ (UN) ไม่ให้เริ่มปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินในฉนวนกาซาที่กลุ่มติดอาวุธฮามาสควบคุม หากอิสราเอลยังดำเนินการต่อ อิหร่านก็พร้อมเข้าแทรกแซง ขณะเดียวกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนก.ย. สูงกว่าคาด และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตามการปรับตัวลงของดัชนีฯ น่าจะไม่รุนแรงเท่ากับภูมิภาค เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเมื่อวันศุกร์ (13 ต.ค.) ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 6% คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้

ให้แนวรับไว้ที่ 1,442-1,443 จุด และแนวต้าน 1,460-1,470 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (13 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,670.29 จุด เพิ่มขึ้น 39.15 จุด หรือ +0.12%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,327.78 จุด ลดลง 21.83 จุด หรือ -0.50% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,407.23 จุด ลดลง 166.99 จุด หรือ -1.23%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 31,983.04 จุด ลดลง 332.95 จุด หรือ -1.03% และหลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิร่วงลง 513.01 จุด หรือ 1.59% แตะที่ระดับ 31,802.98 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,803.31 จุด ลดลง 10.14 จุด หรือ -0.05% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,091.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.96 จุด หรือ +0.09%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ต.ค.66) 1,450.75 จุด ลดลง 5.24 จุด (-0.36%) มูลค่าซื้อขาย 36,895.02 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,766.37 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ต.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. (13 ต.ค.) พุ่งขึ้น 4.78 ดอลลาร์ หรือ 5.8% ปิดที่ 87.69 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 5.9% ในรอบสัปดาห์นี้

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ต.ค.) อยู่ที่ 4.54 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 36.23 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลลาร์แข็งค่า ให้กรอบ 36.05-36.35 บาท/ดอลลาร์

– “พรายพล” ห่วงสงคราม ในอิสราเอลยืดเยื้อ ดันต้นทุนราคาพลังงาน หวั่นกองทุนน้ำมันฯ ติดลบแสนล้านอีกครั้งช่วงสิ้นปี คาดรัฐบาล คงนโยบายคุมราคาพลังงาน แม้ราคาพุ่ง “พิพัฒน์” ชี้สงครามขยายตัวจะทำให้รัฐบาล รับภาระหนักที่ตรึงดีเซล 30 บาท “จิติพล” คาดราคา น้ำมันพุ่งสูงสุด 95 ดอลลาร์ “พลังงาน” เปิดแผนรับมือวิกฤติผลกระทบสงครามระหว่าง ดึงมาตรการ “ลดภาษี-กองทุนน้ำมัน” อุ้มราคา

– “โฆษก รบ.” เชื่อ “หมื่นดิจิทัล” ลดความเดือดร้อน-เพิ่มโอกาสให้ตั้งตัวได้วอนผู้เห็นต่างเปิดใจ “มนพร-จุลพันธ์” ลงพื้นที่เจอทวงเมื่อไรจะได้ “เพื่อไทย” ประมวลเสียงค้านรอบด้าน แย้มเค้นงบฯ ได้แล้วบางส่วน ลุ้นไม่ต้องกู้เพิ่ม เชื่อหมุน ในระบบอย่างน้อย 3.7 รอบ ปั่นยอดเกิน 2 ล้านล้าน “นิด้าโพล’เผย 80% รอใช้เงินหมื่นแล้ว

– “คลัง” เดินเครื่องพักหนี้ มอบการบ้าน “ธ.ก.ส.” ขีดเส้น 3 ปี มูลหนี้เกษตรกรต้องลดลง พร้อมกางโจทย์หลัก ปั๊มรายได้โตเพิ่ม 3 เท่า เล็งดึงที่ราชพัสดุปล่อยเช่าราคาถูก ฟุ้งส่วนราชการพร้อมส่งคืนที่แล้ว กว่า 2 ล้านไร่

หุ้นเด่นวันนี้

– PTTEP (กรุงศรี) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 196 บาท ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบพุ่งแรง กังวลเหตุการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางขยายวงกว้างหลังอิสราเอลประกาศโจมตีภาคพื้นดินในเขตฉนวนกาซา ซึ่งหลายประเทศไม่เห็นด้วยและมีการชุมนุมประท้วงในหลายประเทศ

– BCP (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 42.70 บาท คาดราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นจะยังเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มโรงกลั่น ขณะที่ค่าการกลั่นในไตรมาส 3/66 ที่โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ในระดับสูงราว US$10 ต่อบาร์เรล จะทำให้กำไรคาดว่าจะออกมาโดดเด่นทั้ง q-q และ y-y

จบดีลซื้อ ESSO และ Tender Offer แล้ว เรายังคงมุมมองบวกในแง่กำลังการกลั่นที่จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และ Synergy ราว 2-3 พันล้านบาทต่อปี คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 67 เป็นต้นไป ราคาหุ้นยังคงเทรด PBV เพียง 0.8 เท่า ให้แนวรับ 39-38 บาท แนวต้าน 40.75, 41.75-42 บาท

– SCB (ดาโอ) แนะนำ “ซื้อ” เป้าเชิงกลยุทธ์ 106 บาท ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามาก หลังคาดกำไรไตรมาสนี้ จะลดลง QoQ โดยช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนกังวลในเรื่องของธุรกิจใหม่ๆของธนาคาร

SCB เป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง โดยปี 66-67 เราคาดว่าจะจ่ายได้ในอัตรา 6.3 และ 6.8 บาท/หุ้น มี Dividend Yield สูงถึง 6.2% และ 6.8% ตามลำดับ เป็นรองแค่ TISCO เท่านั้น

เราคาด SCB จะรายงานกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท +5.0% YoY , -8.8%QoQ (ลดลง QoQ เพราะไตรมาส 2/66 มีการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนที่สูง)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ต.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top