ก่อนที่จะหมด Crypto Winter เตรียมตัวเข้าสู่ตลาดกระทิง (ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่) ในปีหน้า โลกคริปโทฯ ก็ยังคงมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีแนวโน้มที่จะเป็นข่าวดี เพราะล่าสุดผู้เสียหายจากกรณี FTX ได้รวมตัวยื่นฟ้องศาล เพื่อเรียกร้อง “ค่าสินไหมทดแทน” และมีโอกาสที่จะได้เงินคืนอีกด้วย!!
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่ Binance.us มีการประกาศอัพเดต Term of Use หรือว่ากฎเกณฑ์การให้บริการต่าง ๆ ที่มีการระบุชัดเจนว่า ผู้ใช้งานจะไม่สามารถถอนเงินดอลลาร์ออกจากแพลตฟอร์มโดยตรงได้อีกต่อไป นั่นหมายความว่า ผู้งานต้องไปแปลงเป็น Stablecoin อื่นจึงจะถอนออกมาได้
เท้าความกันก่อน เมื่อ มิ.ย. ที่ผ่านมา ทาง Binance.us ระบุว่าจะระงับการฝากเงินดอลลาร์ สาเหตุเนื่องจากธนาคารที่เป็นพันธมิตรไม่สะดวกใจที่จะให้บริการ สาเหตุก็มาจากกรณีพิพาท ระหว่าง Binance.us กับ SEC สหรัฐนั่นเอง โดย SEC สหรัฐ ฟ้องร้อง Binance รัว ๆ รวมทั้งฟ้อง Changpeng Zhao ภายใต้ข้อกล่วหาดำเนินกิจการแพลตฟอร์มหลักทรัพย์โดยที่ไม่ได้จดทะเบียน กรณีนี้นับว่าส่งผลเสียต่อ Binance.us มาก ๆ และคาดว่าคงมีผู้ใช้งานหลายคนที่ได้รับความติดขัดจากกรณีนี้แน่นอน
เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา แพลตฟอร์ม DeFi ชื่อดังอย่าง Uniswap ประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียม 0.15% จากการ Swap คริปโทฯ เพื่อระดมทุนสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท โดยจะเรียกเก็บเฉพาะการ Swap ที่ดำเนินการผ่านหน้าเว็บไซด์
และจากการประกาศเพียงไม่นาน ราคาเหรียญ Uniswap ภายใต้ตัวย่อ UNI ราคาก็ปรับตัวร่วงกว่า 7.92% ภายในเวลาเพียงแค่ 24 ชม.
งานนี้โดนวิพากษ์วิจารณ์ทันที จนมีผู้ใช้ twitter @tk ออกมาโพสต์ว่า Uniswap เริ่มเก็บค่าธรรมเนียมได้ 5 ชม. ก็ทำเงินได้ถึง 8000 ดอลลาร์ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเสีย Marketcap ไปกว่า 200 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว บางครั้งการเก็บค่าธรรมเนียม อาจจะได้ไม่คุ้มเสียก็ได้
ข่าวดีมาแล้วสำหรับลูกค้าของ FTX และ FTX.us ที่นักเทรดไม่สามารถถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มได้ เพราะว่าวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา ลูกหนี้ของ FTX ได้มีการยื่นคำร้อง ขอแจ้งข้อเสนอการชำระหนี้ต่อศาลล้มละลายในสหรัฐ แล้วก็ประสบความสำเร็จด้วย
ขณะนี้ FTX ถือว่าอยู่ในสถานะล้มละลาย ซึ่งการร้องขอในคดีล้มละลายบทที่ 11 หลังจากที่มีการเจรจากับคณะกรรมการเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน เกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องทรัพย์สินลูกค้า ประกอบกับแผนปรับโครงสร้างหนี้ที่มี “การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน” อยู่ด้วย ซึ่งงานนี้คาดว่าลูกหนี้ของ FTX จะได้ทรัพย์สินคืนประมาณ 90% ของสินทรัพย์ที่ตนมีอยู้ในแพลตฟอร์ม
โดยการเรียกร้องค่าสินไหมครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 8,900 ล้านดอลลาร์ สำหรับ FTX.com และ 166 ล้านดอลลาร์ สำหรับ FTX.us ซึ่งหากศาลอนุมัติ ก็คาดว่าเงินส่วนนี้จะมีการแจกจ่ายคืนในช่วงไตรมาส 2 ของปี 67 แล้วนักลงทุนจะได้เงินคืนจริงหรือไม่ ต้องรอดูกัน!!
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ต.ค. 66)
Tags: Cryptocurrency, CryptoShot, SCOOP, คริปโทเคอร์เรนซี, สินทรัพย์ดิจิทัล