หุ้นไทยปิดบวก 10.67 จุด รีบาวด์ตามภูมิภาคหลัง Bond Yield ย่อ-คลายกังวลสถานการณ์สงคราม

SET ปิดวันนี้ที่ 1,401.70 จุด เพิ่มขึ้น 10.67 จุด (+0.77%) มูลค่าซื้อขาย 44,257.39 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ตามตลาดหุ้นเอเชียหลัง Bond Yield ย่อตัว และสถานการณ์อิสราเอล-กลุ่มฮามาสไม่รุนแรงเพิ่มขึ้น รวมถึงความกังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟดลดลงหลังภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่แข็งแกร่ง แนะจับตา GDP สหรัฐไตรมาส 3/66 คืนพรุ่งนี้ แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ ให้แนวต้าน 1,420 จุด แนวรับ 1,390 จุด

SET ปิดวันนี้ที่ 1,401.70 จุด เพิ่มขึ้น 10.67 จุด (+0.77%) มูลค่าซื้อขาย 44,257.39 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีรีบาวด์ตามภูมิภาค โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,399.44 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,414.13 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 312 หลักทรัพย์ ลดลง 144 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 185 หลักทรัพย์

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ตามทิศของตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) อายุ 10 ปีย่อตัวลงมาเล็กน้อย และสถาการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสไม่ได้เพิ่มความรุนแรงขึ้น ทำให้นักลงทุนผ่อนคลายความกังวลไปบ้าง

ขณะเดียวกันความกังวลในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมต้นเดือนพ.ย.นี้ลดลง หลังจากภาพเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะไม่แข็งแกร่งตามตัวเลข PMI ส่วนตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อกลับหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้ภาพรวมดัชนีรีบาวด์ขึ้นมาได้

แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ จับตาการรายงานตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) สหรัฐไตรมาส 3/66 คืนวันพรุ่งนี้ ประกอบกับ ต้องติดตามสถาการณ์ของอิสราเอลและกลุ่มฮามาสต่อเนื่อง

ให้แนวต้าน 1,420 จุด แนวรับ 1,390 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,678.74 ล้านบาท ปิดที่ 133.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,249.36 ล้านบาท ปิดที่ 98.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,598.27 ล้านบาท ปิดที่ 161.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

WINDOW มูลค่าการซื้อขาย 1,569.97 ล้านบาท ปิดที่ 1.27 บาท ลดลง 0.83 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,258.22 ล้านบาท ปิดที่ 170.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ต.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top