QTC จ่อกวาดงานใหม่เข้าพอร์ตโค้งสุดท้าย 490 ลบ.

นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าปรับกลยุทธ์การดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้าที่ทยอยเพิ่มขึ้น ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และการจำหน่ายไปยังต่างประเทศ โดยในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ มีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมกิจการของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มี Backlog งานธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าที่จะได้เข้ามาในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ประมาน 430 ล้านบาท จากธุรกิจเทรดดิ้งประมาน 60 ล้านบาท มูลค่ารวมกว่า 490 ล้านบาท

โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการเซ็นสัญญากับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าชนิดคอนเวนชันนัล (Conventional Type) ขนาด 750/24kVA และ 500 12/24 kVA รวมจำนวน 135 เครื่อง คิดเป็นมูลค่ารวม 191 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบหม้อแปลงไฟฟ้าภายในไตรมาสที่ 4/2566

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้มีการเพิ่มทีมฝ่ายขายเพื่อรองรับการขยายงานในส่วนของธุรกิจการ เป็นตัวแทนจำหน่ายและขับเคลื่อนกลยุทธ์การขายแบบเชิงรุกทั้งในการจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้กับ LONGI Solar และ Huawei Solar Inverter โดยล่าสุดบริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สายไฟ Solar cable ให้กับ JJ-LAPP (T) โดยตั้งเป้าการจำหน่ายสายไฟ Solar cable แตะ 100 ล้านบาท ในปี 2567

ส่วนการเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) แห่งที่ 3 ในจังหวัดจันทบุรี คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการลูกค้าได้ในช่วงปลายปีนี้ และพร้อมเดินหน้าขยายสถานีชาร์จอย่างต่อเนื่อง เพื่อสอดรับกับนโยบายการส่งเสริมให้มีการใช้รถยนต์ EV ของภาครัฐ และส่งเสริมการพัฒนาโครงข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้เพียงพอต่อจำนวนรถยนต์ EV ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/66 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 365 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 35.76 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 248.21 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ ให้กับ LONGI Solar และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter และ EV Charger จำนวน 88.80 ล้านบาท

ขณะที่งวด 9 เดือนของปี 2566 มีรายได้รวม 840 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 6.30 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 496.80 ล้านบาท และเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้ง 258.63 ล้านบาท ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2566 มีแนวโน้มแตะระดับ 1,400 ล้านบาท และมีกำไรเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากนโยบายของภาครัฐที่ได้มีการส่งเสริมด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับผู้ประกอบที่ติดตั้งระบบโซลาร์รูฟบนหลังคา จึงทำให้มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ดีมานด์การใช้หม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ยอดขายจากธุรกิจโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องมีการเติบโตที่ชัดเจน ส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top