SAFE ย้ำเป้าปีนี้โต 20-30% กำเงินสดในมือกว่าพันล้านลุยร่วมทุน รพ.ต่างชาติ เปิดคลีนิก

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีรายได้รวม 629.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวมาจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก 497.96 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและทารกในครรภ์และการให้บริการด้านห้องปฏิบัติการด้านพันธุศาสตร์ 127.92 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการด้านผิวหนังและความงาม 3.31 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 149.26 ล้านบาท เติบโต 14.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY)

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 มีรายได้รวมอยู่ที่ 222.62 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 60.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY)

ภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยากของโลก เช่น รัฐบาลประเทศจีนได้ประกาศยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวของคู่สมรสโดยในปี 2022 ให้เป็นนโยบายลูกสามคน เนื่องจากเกรงว่าจะเข้าสู่สังคมสูงอายุ และป้องกันการขาดแคลนแรงงานในวัยทำงาน นอกจากนี้หลายประเทศได้เริ่มติดตามปัญหาภาวะการเจริญพันธุ์และอัตราการเกิดอย่างใกล้ชิดแล้ว

ส่วนแผนดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภาครัฐ จะเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และได้ตั้งเป้าเติบโตทั้งปีประมาณ 20-30% ทั้งนี้ SAFE ได้วางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ผู้นำด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในระดับเอเชีย โดยบริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีเงินสดพร้อมสำหรับขยายการลงทุน ณ สิ้น 30 มิ.ย. 66 สูงถึง 800 ล้านบาท ประกอบกับเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้น IPO กว่า 500 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทจะลงทุนเพื่อย้ายที่ตั้งสาขารามอินทราไปยังพื้นที่แห่งใหม่ภายในโครงการสนามไดร์ฟกอล์ฟ กอล์ฟ ชาแนล เซ็นเตอร์ ถนนรามอินทรา บนพื้นที่กว่า 600 ตร.ม. เพื่อให้บริการแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น เช่น มีห้องปฏิบัติการด้านพันธุศาสตร์สำหรับนักวิทยาศาสตร์ของกลุ่มที่ทันสมัยและกว้างขวาง คาดว่าจะเสริมสร้างศักยภาพการเติบโตของสาขารามอินทราจาก OPU Cycles ที่เพิ่มขึ้นตามมา

นอกจากนี้ เตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง เฉลี่ยลงทุนสาขาละ 100-120 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุน (Joint Venture) กับโรงพยาบาลในต่างประเทศ เพื่อเปิดคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจาร่วมลงทุนในธุรกิจที่ต่อยอดจากธุรกิจเดิมในส่วนของธุรกิจเสริมความงาม โดยบริษัทคาดว่าจะสร้าง Synergy และเพิ่มการเติบโตได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปี 67 เป็นต้นไป

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ย. 66)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top