หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ตามภูมิภาค ไร้ปัจจัยกระตุ้น-เผชิญแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ ตามภูมิภาค จากไร้ปัจจัยใหม่หนุน และยังคงเผชิญแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยลบเฉพาะตัว ขณะที่วันนี้จะมี MSCI Rebalance คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลออกราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐ แนะจับตาตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐ ในคืนนี้ ให้แนวต้านไว้ที่ 1,405 จุด และแนวรับ 1,380 จุด หากหลุดลงมาให้แนวรับถัดไปที่ 1,375-1,370 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาด แกว่งไซด์เวย์คล้ายกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แม้จะได้ปัจจัยหนุนจากอัตราพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวลงต่อเนื่อง ล่าสุดต่ำกว่า 4.3% แล้ว แต่นักลงทุนยังคงขายสุทธิอยู่ และค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย ทั้งนี้บ้านเราไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น อีกทั้งยังเจอแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ส่งผลต่อภาพลักษณ์ตลาดทุนไทย

ขณะที่วันนี้จะมี MSCI Rebalance คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลออกราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบกับแนะจับตาดูการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐ ในคืนนี้

ให้แนวต้านไว้ที่ 1,405 จุด และแนวรับ 1,380 จุด หากหลุดลงมาให้แนวรับถัดไปที่ 1,375-1,370 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (29 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,430.42 จุด เพิ่มขึ้น 13.44 จุด หรือ +0.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,550.58 จุด ลดลง 4.31 จุด หรือ -0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,258.49 จุด ลดลง 23.27 จุด หรือ -0.16%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,260.14 จุด ลดลง 61.08 จุด หรือ -0.18% ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,985.18 จุด ลดลง 8.26 จุด หรือ -0.05% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,021.10 จุด ลดลง 0.59 จุด หรือ -0.02%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 พ.ย.66) ที่ 1,387.69 จุด ลดลง 13.73 จุด (-0.98%) มูลค่าซื้อขาย 51,497.61 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (29 พ.ย.66) 3,401.57 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.45 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 77.86 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 พ.ย.66) อยู่ที่ 6.44 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.82 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัว ตลาดรอข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯคืนนี้หนุนทิศทาง

– กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% เชื่อเป็นระดับที่เหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจ และเอื้อฟื้นตัวสู่ระดับศักยภาพเศรษฐกิจไทย พร้อมปรับ จีดีพีปี 66-67 ลดลง หลังท่องเที่ยวต่ำกว่าคาด

– “คลัง” พร้อมยกเลิก “ดิวตี้ฟรี ขาเข้า-ปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่ม” หวังดึงดูดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ยืนยันหารือ ทอท.-คิงเพาเวอร์แล้ว “กีรติ” ชี้ต้องรอผลศึกษาให้ชัดเจน หวั่นยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้าสนามบิน กระทบผลตอบแทนรัฐตามที่ระบุในสัญญาสัมปทานร้านปลอดภาษี

– กกพ. เคาะขึ้นค่า Ft งวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย. 67) ที่ 89.55 สตางค์ต่อหน่วยส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยขยับไปอยู่ที่ 4.68 บาท/หน่วย จาก 3.99 บาท/หน่วย หลังเปิดรับฟังความเห็นไว้ 3 ทางเลือก โดยเลือกแนวทางที่ต่ำสุดเพื่อลดผลกระทบ ปชช.แต่ต้องปรับให้สะท้อนต้นทุนบางส่วนโดยเฉพาะ กฟผ.ที่แบกรับภาระไว้

– กมธ.การเกษตรฯ เรียก “ดีเอสไอ-หน่วยเกี่ยวข้อง” แจงปม “หมูเถื่อน” ลามเด้ง อธิบดี โยงอิทธิพลใหญ่ อดีตรัฐมนตรี ป. ข้องใจทำไมโยกย้ายช่วงความจริงใกล้ปรากฏ บี้นายกฯ-รัฐบาล เคลียร์คัตข้อสงสัย-ลากคอหาผู้บงการมาลงโทษ แนะเข้มยกระดับล้างบาง-บริหารจัดการ-เปิดโปงกระบวนการซุกอำพราง

หุ้นเด่นวันนี้

– BGRIM (ดาโอ) แนะนำ ซื้อ เป้าเชิงกลยุทธ์ 27.75 บาท ราคา BGRIM ยังเดินหน้าต่อ คาดว่าราคาน้ำมันดิบและ Gas ที่ปรับตัวลงทำให้สถานการณ์ในเชิงลบ ค่อยๆ ดีขึ้น ขณะที่นโยบายภาครัฐ คาดว่าจะเป็นลบต่อหุ้นน้อยลงด้วย

วานนี้ (29) กกพ.เคาะขึ้นค่าไฟงวดใหม่เป็น 4.68 บาท หรือปรับขึ้น 69.07 สตางค์ต่อหน่วย มีผล ม.ค.-เม.ย.67ข่าวนี้ เป็นบวกต่อหุ้นโรงไฟฟ้า โดยตรงทำให้รายได้และกำไรสูงขึ้น

ประเด็นของค่าไฟและต้นทุน Gas คาดจะมีความสอดคล้องกันมากขึ้น คือ ไม่กดดันโรงไฟฟ้าเอกชนเหมือนช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้กำไรของ BGRIM มีโอกาสที่จะรักษาระดับ 5-600 ล้านบาท/ไตรมาส ได้อีกครั้ง

เรากำลังรอดูการเดินหน้ากลยุทธ์ใหม่ของบริษัทฯ ในการต่อยอดกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 10,000 MW (ล่าสุด 3,690 MW) ทั้งในส่วนของการลงทุนใหม่ๆ และการ Funding เงินลงทุนในอนาคต

– PTTEP (พาย) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 180.00 บาท ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อกาพรวมกำไรของ PTTEP ในไตรมาส 4/66 และปี 67 ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่ขึ้นจะหนุนราคาขายเฉลี่ย ขณะที่ผู้บริหารให้แนวทางปริมาณขายว่จะโต 9% YOY ในปี 67 หนุนจากแห่ลงเอราวัณ (G1/61) ที่เร่งการผลิตเป็น 800 MMSCFD EIA ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบจะยั่งยืนในกรอบสูง ช่วงไตรมาส 4/66 ถึงปี 67 จากสภาวะอุปทานที่ตึงตัวหลัง OPEC ลดการผลิตลง ซึ่งอาจลดต่อเนื่องในปีหน้า

– AAI (คิงส์ฟอร์ด) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.90 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3/66 อยู่ที่ 118 ล้านบาท (-39%YoY, +350% QoQ) ทั้งนี้หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 130 ล้านบาท กำไรปกติจะฟื้นตัว +22% QoQ ยืนยันภาพผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว สอดคล้อง กับการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงที่เริ่มฟื้นตัวและต้นทุนปลาทูน่าลดลง

แนวโน้มไตรมาส 4/66 คาดยอดขายดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ จากสต๊อกสินค้าเก่าของลูกค้าเริ่มหมด และมีคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่มาก ขึ้น สวนอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นจากราคาทูน่าที่ลดลง และสัดส่วนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมาร์จิ้นดีกว่า มีรายได้มากขึ้น ขณะที่แนวโน้มในปี 67 จะกลับมาเติบโตทั้งรายได้ และกำไรหลังจากชะลอตัวในปีนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top