HILITE: AMATA บวกสวนตลาด 2.23% ผู้บริหารเก็งกวาดยอดขายที่ดิน 500-800 ไร่ใน Q4/66 โตแกร่ง

หุ้น AMATA บวก 2.23% มาอยู่ที่ 25.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท มูลค่าซื้อขาย 45.62 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.54 น. โดยเปิดตลาดที่ 24.70 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 25.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 24.70 บาท

บล.ทิสโก้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับหุ้น บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) มูลค่าที่เหมาะสม 26.00 บาท จากการประเมินมูลค่า และคาดว่ายอดจองที่ดินในไตรมาส 4/66 จะดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยอิงจาก LOIs ล่าสุดที่ได้รับจากกลุ่มลูกค้าอิเล็กทรอนิกส์ไฮเทค และฐานลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับ EV

ผู้บริหาร AMATA มองเห็นศักยภาพลูกค้าเติบโตแข็งแกร่ง โดยคาดยอดขายที่ดิน 500-800 ไร่ในไตรมาส 4/66 ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจีนราว 300 ไร่ ในกลุ่มผลิตสินค้าไฮเทคอิเล็กทรอนิกส์ (ยอดจองที่ดิน 9 เดือนแรกรวม 1.2 พันไร่ พร้อมโอนที่ดิน 485 ไร่) ทั้งนี้ ไม่มีแนวโน้มสำหรับปีหน้า แต่ AMATA คาดว่าจะมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ Backlog ณ สิ้นไตรมาส 3/66 มีมูลค่า 1.06 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนของเวียดนามอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ไม่มี เป้าหมายเกี่ยวกับการโอนรอบท้ายสำหรับปีนี้

ส่วนอมตะ ซิตี้ ลาว อยู่ระหว่างดำเนินการ และล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM) ในการอำนวยความสะดวกด้านสินเชื่อ ปัจจุบัน 2 โครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาบนเนื้อที่ 22,000 ไร่ ในขณะที่การดำเนินงานของเมียนมายังคงถูกระงับ

ล่าสุดลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อจัดตั้งโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ (19.5MW) โดยจะเป็นความร่วมมือระหว่างอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ และอมตะ วอเตอร์ ในการสนับสนุนแผนพลังงานทดแทนโดยรวม

ขณะที่ บล.กรุงศรี ระบุว่า ยอดขายที่ดินของ AMATA สดใส ตั้งเป้ายอดขาย 1,700-2,000 ไร่ในปีนี้ ต่ำกว่าประมาณการของเราเล็กน้อยที่ 2,250 ไร่ สนับสนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่ง (จำนวนการยื่นขอบีโอไอ) เราคาดกำไรจะแข็งแกร่งในไตรมาส 4/66 จากการโอนที่ดินเพิ่มขึ้นและยอดขาย RBF การประกาศขึ้นอัตรา Ft งวดใหม่จะช่วยลดความเสี่ยงประมาณการของเราปี 67 ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ยอดขายที่ดินปีนี้คาด 1,700-2,000 ไร่ เทียบกับประมาณการของเราที่ 2,250 ไร่ คาดว่าจะมีการลงนามสัญญา 500 ไร่ในไตรมาส 4/66 ส่งผลให้ยอดขายที่ดินทั้งปีนี้เป็น 1,700 ไร่ ลูกค้าได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่ย้ายฐานการผลิตมาจากประเทศจีน อย่างไรก็ตาม สัญญาใหม่จะสูงถึง 800 ไร่ในไตรมาส 4/66 (รวมทั้งปี 2,000 ไร่) หากสามารถปิดดีลลูกค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ได้

ดังนั้น คาดกำไรแข็งแกร่งในไตรมาส 4/66 ซึ่งสนับสนุนโดย (i) Backlog จำนวนมากในประเทศไทย (ปรับเพิ่มจาก 7.0 พันล้านบาทเป็น 8.8 พันล้านบาท); (ii) AMATAV (AMATA ถือหุ้น 73%) คาดยอดโอนที่ดินจะแข็งแกร่งขึ้น (qoq) และรายได้จากการขายไฟฟ้าสูงขึ้นเนื่องจากมีลูกค้าใหม่ใน Amata City Halong นอกจากนี้ จะมีกำไรจากการขาย RBF สองยูนิต ดังนั้นเราคงประมาณการกำไร 2.2 พันล้านบาทในปี 66

อัตรา Ft ที่สูงขึ้นในปีหน้าจะช่วยลดความเสี่ยงประมาณการกำไรของเรา ก่อนหน้านี้เราคาดมีความเสี่ยงประมาณการกำไรของเราปีหน้า 15% จากการโอนที่ดินเชิงพาณิชย์ (1.8 พันลบ.) ที่ Amata City Bien Hoa อาจล่าช้าไปเป็นปี 69 อย่างไรก็ตาม การประกาศขึ้นอัตรา Ft งวดใหม่ และสมมติฐานว่าจะทรงตัวตลอดทั้งปี จะลดผลกระทบได้เหลือ 10%

จำนวนยื่นขอบีโอไอหนาแน่น สะท้อนอุปสงค์ที่ดินแข็งแกร่งใน 9 เดือนแรกของปี 66 ยอดยื่นขอบีโอไอในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 22% yoy เป็น 517 พันล้านบาท (1,555 โครงการ +31% yoy) ยอดทั้งปีอาจมากกว่าปีที่แล้ว (665 พันล้านบาท จำนวน 2,119 โครงการ) FDI ครองมูลค่าสูงถึง 77% โดยเพิ่มขึ้น 43% yoy เป็น 399 พันล้านบาท (910 โครงการ +48%)

การลงทุนส่วนใหญ่มาจากจีน (97 พันลบ.) สิงคโปร์ (80 พันล้านบาท) และญี่ปุ่น (43 พันล้านบาท) ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (208 พันล้านบาท +246% yoy) อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป (56 พันล้านบาท +4% yoy) และยานยนต์ (42 พันล้านบาท -47% yoy) ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่ได้รับการอนุมัติจากบีโอไอ ได้แก่ ซัมซุง, เคียวเซร่า เอวีเอ็กซ์, แม็กซิม อินทริเกรดเต็ด โปรดักส์, โตชิบา เซมิคอนดัคเตอร์, โซนี่ เทคโนโลยี, ฉางอัน, ไอออน และโฟตอน

EEC ยังคงได้รับความนิยมจาก FDI โดยมีส่วนแบ่ง 45% ของการยื่นขอส่งเสริม EEC ตั้งเป้าลงทุน 5 แสนล้านบาทในปี 66-70 หรือประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งหมายถึงมูลค่าการยื่นขอบีโอไอ 3.33+ แสนล้านบาทต่อปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ย. 66)

Tags: ,
Back to Top