หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ ไร้ปัจจัยใหม่กระตุ้น รอตัวเลขเศรษฐกิจจีน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ แม้มีปัจจัยบวกจากฝั่งสหรัฐ จากเมื่อคืนรายงาน PCE ออกมาชะลอตัว ทำให้ตลาดคาดการณ์เฟดจะยุติขึ้นดอกเบี้ย แต่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังไม่ตอบรับ โดยยังรอรายงาน PMI ภาคการผลิตจีน รวมถึงปัจจัยในประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอนกดดันหุ้นเฉพาะกลุ่ม และขาดปัจจัยใหม่ พร้อมให้แนวต้าน 1,390 จุด แนวรับ 1,370 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ แม้จะมีปัจจัยหนุนตลาดหุ้นจากการรายงาน PCE ของสหรัฐเมื่อคืนนี้ที่ออกมาชะลอตัวลง ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งหนุนตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนปรับขึ้น แต่เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียเปิดมาไม่ได้ตอบรับปัจจัยดังกล่าวมาก โดยที่ตลาดยังรอติดตามในการรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังมีความไม่แน่นอนที่กดดันหุ้นเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันดัชนีด้วยเช่นกัน และยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่เข้ามาหนุน โดยให้แนวต้าน 1,390 จุด แนวรับ 1,370 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (30 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,950.89 จุด เพิ่มขึ้น 520.47 จุด หรือ +1.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,567.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.22 จุด หรือ +0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,226.22 จุด ลดลง 32.27 จุด หรือ -0.23%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,537.44 จุด เพิ่มขึ้น 50.55 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,019.17 จุด ลดลง 23.71 จุด หรือ -0.14% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,027.35 จุด ลดลง 2.32 จุด หรือ -0.08%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 พ.ย.66) ที่ 1,380.18 จุด ลดลง 7.51 จุด (-0.54%) มูลค่าซื้อขาย 76,183.57 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (30 พ.ย.66) 3,696.52 ล้านบาท
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 75.96 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 6.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 พ.ย.66) อยู่ที่ 4.94 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.25 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าต่อจากวานนี้ตามทิศทางภูมิภาค ให้กรอบ 35.10-35.40 บาท/ดอลลาร์
  • “ปปง.” เปิดช่อง ผู้ได้รับความเสียหายกรณี “สตาร์ค” ยื่นหลักฐาน-มูลค่าความเสียหาย ภายในวันที่ 26 ก.พ.67
  • “ตลท.” เผยผลสำรวจ ซีอีโอ บจ. คาดปี 67 จีดีพีไทยเติบโต 3-4% รับปัจจัยหนุนจาก “ท่องเที่ยว-นโยบาย การคลัง-เบิกจ่ายภาครัฐ-การเมืองไทยนิ่ง” จากปีนี้ขยายตัวได้ 2-3% ส่วน ปัจจัยน่ากังวลปีหน้าความเสี่ยง “หนี้ครัวเรือน” มากที่สุด ขณะที่รายได้-กำไร บจ.ยังโตเด่น 10% ขึ้นไปในปีนี้และปีหน้า แนะรัฐเร่งสร้างเครื่องยนต์ตัวใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยั่งยืน
  • “แอตต้า-ททท.” ผนึกกำลังกู้ยอด “นักท่องเที่ยวจีน” ปี 67 ขนทัพผู้ประกอบการไทยบุกแดนมังกร 11-15 ธ.ค. หวังคืนชีพตลาด “กรุ๊ปทัวร์” โหมโรงช่วงโกลเด้นวีค “ตรุษจีน” นายกแอตต้า “ศิษฎิวัชร” ประเมินจีนเที่ยวไทยปีหน้า 6 ล้านคน ขณะ ททท. ชูกลยุทธ์ “4News-2Q” ดันเป้า 8.2 ล้านคน ด้าน “ท่องเที่ยวชลบุรี” ชี้มาตรการวีซ่า-ฟรี ต้องไปต่อ “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” เผยธุรกิจจีนบุกงานแสดงสินค้าในไทยทุกเซ็กเตอร์ หลังรัฐบาลจีนอัดฉีดเงินสนับสนุนออกบูธต่างประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจจีนจากพิษชะลอตัว
  • จับตา “พลังงาน” หาแนวทางอุ้มราคา “น้ำมัน-ค่าไฟ” ต่อหลังมาตรการ พยุงราคาใกล้ครบกำหนดสิ้นปีนี้ ลุ้น “พีระพันธุ์” ปรับโครงสร้างแก้พลังงานแพงทั้งระบบ กกพ. เคาะค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 67 ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย “เอกชน” ชี้พลังงานต้นทุนผลิตพุ่ง “พาณิชย์” จัดสินค้าลดราคา “นิวเยียร์ เมกะเซลล์”
  • “แม็คโคร” ย้ำรับซื้อหมูถูกต้อง-ไร้หมูเถื่อน พร้อมให้ความร่วมมือ DSI ตรวจสอบย้อนกลับได้ 100% เดินหน้าดำเนินการเอาผิดสื่อรายงานคลาดเคลื่อน “เศรษฐา” ยันไม่ก้าวก่ายย้าย “อดีตอธิบดี DSI” เป็นเรื่อง รมว.ยุติธรรม

หุ้นเด่นวันนี้

  • PSL (กรุงศรี) แนะนำ ซื้อ เป้า IAA Consensus 10.40 บาท เก็งกำไรจากดัชนีค่าระวางเรือเทกอง BDI Index เร่งตัวขึ้น 241 จุด หรือ 8.9% สู่ระดับ 2,937 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 เดือน ขณะเดียวกันดัชนีเรือเทกองที่มีขนาดใกล้เคียงกับกองเรือ PSL คือ Supramax (BSI) เพิ่มขึ้น 65 จุด หรือ +4.8% สู่ระดับ 1,425 จุด สูงสุดในรอบ 1 ปี
  • CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 77 บาท ราคาหุ้น CPALL ปรับตัวลง -6% ในช่วงที่ผ่านมาจากประเด็นข่าว CPAXT ที่เกี่ยวโยงกับหมูเถื่อน ค่าไฟที่ปรับขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่โตช้า ซึ่งเราเชื่อว่าสะท้อนประเด็น ESG ไปแล้ว ล่าสุดซื้อขายที่ 2024PER เพียง 23.2 เท่า ต่ำกว่าช่วงปี 2016 ที่มีประเด็นด้าน CG ที่ 25.5 เท่า
    • ระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 4/66 โต y-y จาก SSSG ทั้งธุรกิจ CVS Wholesale แล Retail ที่เป็นบวกได้ทั้งหมดในกรอบ 3-6% y-y และคาดเร่งตัวต่อเนื่องในปี 67 +19% y-y ให้แนวรับ 50.50-50 บาท แนวต้าน 53.50-54//56 บาท
  • BH (ดาโอ) แนะนำ ซื้อ เป้าเชิงกลยุทธ์ 230 บาท ราคาหุ้นเริ่มสะเด็ดน้ำ โดยราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ถึง 17% ในช่วง 1 เดือน และเริ่มมีแรงซื้อกลับ ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ทำให้หุ้นตัวนี้กลับมาน่าสนใจในการเข้าเก็งกำไร อีกทั้งสถานการณ์อิสราเอล ดีขึ้นตามลำดับ
    • รายได้และกำไรของ BH มีการเติบโตที่ดี 3Q กำไรโตถึง 30% YoY จากการเข้าสู่ช่วง high season จากฤดูฝน และลูกค้าต่างชาติที่จะเดินทางมารักษาที่ BH ยังอยู่ในระดับสูง
    • BH มีการขยายกำลังการรับผู้ป่วยเพิ่ม ทั้งเพิ่มเตียงในห้อง ICU และโครงการที่จะทำรายได้ในปีต่อๆไป อาทิ โครงการตึก Annex (ศูนย์สตรีและเด็ก) และ โครงการรพ. ภูเก็ต (BIH Phuket)
    • ความสามารถในการทำกำไร เพิ่มขึ้นตามกำไร ทั้งนี้ Net Profit Margin ที่ขยับจาก 21% เป็น 28% (เทียบช่วง 6 เดือนแรก กับปีก่อน)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ธ.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top