“หมอมิ้ง” โวผลงานรัฐบาล 108 วัน แก้ปัญหาครอบคลุมทุกด้าน เห็นผลรูปธรรม

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาพรวมการทำงานของรัฐบาลในช่วง 108 วัน ถือว่าออกดอกออกผลชัดเจน ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการทุกงานอย่างมียุทธศาสตร์ โดยแบ่งเป็น การแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ การยกระดับคุณภาพชีวิต การลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน การแก้ปัญหาหนี้ทั้งระบบ การลดค่าพลังงาน การกระตุ้นท่องเที่ยว และนายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญกับภารกิจต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเปิดตลาด ดึงดูดการค้าการลงทุนจากภาคเอกชนใหม่ๆ

ยุทธศาสตร์ใหญ่ เรื่องการลงทุน คือ การสร้างให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อส่งออก ซึ่งมีผู้ประกอบการรถยนต์จากจีน 4 รายยักษ์ใหญ่เข้ามาลงทุนใช้ไทยเป็นฐานการผลิต และมีอีก 2 รายที่กำลังเข้ามา ขณะที่ทางเทสล่าก็มีความสนใจเช่นกัน และผลจากการไปร่วมประชุมอาเซียน-ญี่ปุ่น ทางญีjปุ่นพร้อมร่วมมือกับกลุ่มอาเซียนเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้นำคณะหารือกับ 7 ผู้ประกอบการ ที่ให้คำมั่นสัญญาที่จะปรับเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าในรอบ 5 ปี ลงทุนเกือบ 2 แสนล้านบาท ถือเป็นสร้างความมั่นใจได้ว่าจะมีการลงทุนเพิ่ม จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น

ด้านต่อมา คือ เรื่อง Digital Economy ไทยได้แก้กฏระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุน และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงการพัฒนาด้านพลังงานสะอาด

ด้านสังคมและกระบวนการความยุติธรรม เน้นการแก้ปัญหายาเสพติด นำผู้เสพยาบำบัดรักษา ตัดตอนผู้ค้า และเผาทำลายยาเสพติดทันทีที่จับกุมได้ รวมถึงเร่งแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมในภาพรวมด้วย รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

ขณะเดียวกันรัฐบาลผลักดันนโยบาย Soft Power เพื่อดึงศักยภาพของคนไทยมาใช้ในการสร้างรายได้ และยังให้ความสำคัญกับภาคการเกษตรด้วย เน้นการลดต้นทุนการผลิต และสร้างรายได้ พร้อมเปลี่ยนเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 ให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร สร้างความมั่นคงด้านที่ดินให้เกษตรกรมีที่ดินทำกิน และในปีหน้ารัฐบาลยังคงมุ่งมั่นแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ด้วยการหาตลาดโลกรองรับผลิตภัณฑ์ภาคการเกษตร

“ขณะนี้เ ราอาจจะเร่งทำงานไปจนทำให้งานประชาสัมพันธ์ไม่ทัน ตอนนี้เรากล้าพูดเสียงดังขึ้น เพราะว่ามันออกดอกออกผลแล้ว” นพ.พรหมินทร์ กล่าว

สำหรับผลงานในรอบ 3 เดือน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการกอบกู้เกียรติภูมิประเทศไทยในเวทีโลก ทำให้สามารถเปิดตลาด และฟื้นความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ เพราะทั่วโลกเชื่อมโยงกันหมด ทั้งการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นบทบาทสำคัญที่ส่งผลตรงต่อประชาชนคนไทย

นพ.พรหมมินทร์ ยังมองว่า การกอบกู้วิกฤตต่างๆ ของรัฐบาลสามารถทำได้เร็ว และมีจุดเด่น คือ เป็นรัฐบาลของประชาชน แม้จะมีหลายพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม เพราะเอาปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง และร่วมกันขจัดอุปสรรค โดยเฉพาะการแก้กฏหมายต่างๆ ทำให้การดำเนินธุรกิจต่างๆ ง่ายขึ้น

เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ยังมีสิ่งที่รัฐบาลไม่สามารถทำได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะเป็นเหตุที่ไม่คาดคิด เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง การสู้รับระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอล ซึ่งรัฐบาลก็เร่งประสานงานให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันโดยเร็วที่สุด

ส่วนโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน และขณะนี้เป็นขั้นตอนนำไปสู่การปฏิบัติให้ถูกต้องตามฏหมาย โดยรอฟังความเห็นและข้อแนะนำจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อนำมาปรับให้ถูกต้องตามกฏหมาย ก่อนส่งเรื่องไปยังสภาฯ เพื่อขอกู้เงินมาดำเนินนโยบายต่อไป และเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน

“ทุกอย่างได้พิจารณาข้อกฏหมายมาเป็นอย่างดี รัฐบาลมีจุดมุ่งหมายชัดเจน คือยึดมั่นประโยชน์ของประชาชน ไม่ได้มีความพยายามจะทำผิดหรือแหกข้อกฏหมาย แต่ทุกอย่างได้ศึกษากฏหมายมาอย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาสะดุดแล้ว” นพ.พรหมินทร์ กล่าว

เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ผลงานรัฐบาลที่ประสบความสำเร็จทุกอย่าง เพราะยึดมั่นตามที่หาเสียงไว้และดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องขอโอกาสทำงาน เนื่องจากการได้พูดกับได้ทำต่างกัน ส่วนการเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน รัฐบาลจะใช้ความจริงใจและการปฏิบัติเป็นสำคัญ และเป้าหมายสำคัญอีกอย่างคือ การรื้อโครงสร้างเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชน

สำหรับกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า ต้องถามก่อนว่าปรับเพื่ออะไร หากเป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือมีคนที่เหมาะสมมาทำงาน หรือปรับให้การทำงานคล่องขึ้นก็สามารถปรับได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องปรับเปลี่ยนในตอนนี้ ซึ่งรัฐบาลยังมีความแน่นเหนียว

ส่วนกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากทำในกรอบกฏหมาย ทุกคนมีสิทธิเดียวกัน ยึดหลักนิติธรรม และต้องไม่มี 2 มาตรฐาน ส่วนการให้นายทักษิณ มาแนะนำการบริหารราชการนั้น หากเป็นความคิดความเห็นที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลพร้อมรับฟังทุกเสียง ทุกข้อคิดเห็นที่ดีอย่างแน่นอน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ธ.ค. 66)

Tags: ,
Back to Top