วุฒิสภา เตรียมตั้ง กมธ.ถกงบปี 67 คู่ขนานสภาฯ แก้ปมเวลาจำกัด

วุฒิสภา ตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำงานคู่ขนานไปกับ กมธ.พิจารณาร่างงบประมาณปี 2567 ของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากการจัดทำงบปี 67 ล่าช้ากว่าปกติเพราะเป็นช่วงรอยต่อรัฐบาล ขณะที่วุฒิสภามีเวลาในการพิจาณาค่อนข้างจำกัด

“ประธานวุฒิสภาให้ตั้ง กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ในส่วนของวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) จำนวน 41 คน มีทั้งจากคณะกรรมาธิการฯ จากวิป และมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก 5 คน และจะเริ่มประชุมตั้งแต่วันจันทร์หน้า (15 ม.ค.) คู่ขนานไปกับ กมธ.ของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจะช่วยให้ส่วนราชการได้มาชี้แจงคู่ขนานกันไปอย่างสะดวก” พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สว.กล่าว

การดำเนินการดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องกรอบเวลา เพราะวุฒิสภาจะมีเวลาในการพิจารณาน้อยเพียง 6-7 วันเท่านั้น ซึ่งตามปฏิทินงบประมาณจะต้องผ่านมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงต้นสัปดาห์ของเดือนย เม.ย.67 และต้องส่งต่อให้ สว.พิจารณาให้เสร็จภายในวันที่ 9-10 เม.ย.67 ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประมาณวันที่ 17 เม.ย.67

พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวจะช่วยให้วุฒิสภาสามารถพิจารณาให้เสร็จได้ประมาณวันที่ 20 มี.ค.67 พร้อมกับ กมธ.ของสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรจะเข้าสู่ขั้นตอนการแปรญัตติ เสร็จแล้วก็เสนอให้วุฒิสภาอภิปรายในวันที่ 9 เม.ย.ต่อไป เพื่อให้ได้รับข้อเท็จจริงและรู้รายละเอียดเพียงพอ

โดยภาพรวมของงบประมาณปี 2567 แม้จะมีข้อจำกัดมากแต่รัฐบาลก็ดันวงเงินไปได้ถึง 3.48 ล้านล้านบาท ขณะที่มีงบลงทุนเพียง 20% อาจไม่มากพอที่จะผลักดันประเทศให้พ้นจากปัญหา รวมถึงผลักดัน GDP ให้ขยายตัวถึง 5% ตามที่รัฐบาลมุ่งหวังด้วยงบที่จัดสรรมาอาจยังน้อยไป อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลก็ยังไม่สะท้อนออกมาในงบประมาณเท่าที่ควร ส่วนใหญ่งบทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 9% จากปีที่ผ่านมาจึงเป็นการกระจายออกไปทั่ว ดังนั้นการผลักดันนโยบายต่างๆ เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจึงต้องไปหวังพึ่งกลไกภายนอก เช่น พ.ร.บ.เงินกู้ จึงได้แต่หวังว่างบประมาณปี 68 ที่จะออกมาจะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น

 

แนะทบทวน “ดิจิทัลเวอลเล็ต”

สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็คงต้องรอรัฐบาลออกมาชี้แจงว่า คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นอย่างไร แต่ก็ยังมีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ตอนที่รัฐบาลคิดนโยบายนี้อาจจะยังอยู่ในสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ จึงกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินให้ประชาชนไปใช้สอย ซึ่งหลายประเทศในโลกก็ทำ แต่ถึงวันนี้วิกฤตของเศรษฐกิจก็ยังไม่เลวร้ายนัก อัตราเงินเฟ้อก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์โลกประมาณการไว้ ดังนั้นการจะเอาเงิน 500,000 ล้านบาทไปแจกประชาชน หากปีหน้าหรือปีถัดไปเกิดขึ้นมาก็จะเป็นปัญหา จึงอยากให้รัฐบาลคิดอีกครั้งว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปหรือไม่

 

ชี้เร็วเกินไปหากจะเปิดซักฟอก

ส่วนกรณีที่วุฒิสภาเตรียมรวมรายชื่อยื่นญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง และยังไม่เห็นรายละเอียดว่า สว.ส่วนใหญ่ติดใจเรื่องอะไร จึงต้องขอความชัดเจนก่อน เพราะต้องใช้รายชื่อ สว.จำนวน 84 คนลงนามเพื่อเปิดอภิปราย ซึ่งไม่ใช่น้อย ก่อนหน้านี้ตนได้พูดคุยกับเพื่อน สว.บางคนว่า รัฐบาลชุดที่แล้วทำงานมา 4 ปี ทำไม สว.ไม่เปิดอภิปรายเลย รัฐบาลชุดนี้ทำงานมา 3 เดือนกว่ากลับเปิดอภิปรายแล้วก็ต้องดูประเด็นว่าจะใช้มาตรานี้หรือไม่ ความจริงน่าจะให้สิ้นปีงบประมาณไปก่อน แต่พวกตนก็คงไปก่อนเหมือนกัน ส่วนตัวมองว่าการเปิดอภิปรายตอนนี้ยังเร็วไป

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ม.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top