หุ้น “เอเวอร์แกรนด์” ถูกระงับซื้อขายในฮ่องกง หลังศาลมีคำสั่งปิดกิจการ

คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้สั่งระงับการซื้อขายหุ้นไชน่า เอเวอร์แรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังราคาหุ้นร่วงลงกว่า 20% ในช่วงเช้านี้ ภายหลังจากศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ทำการขายสินทรัพย์และปิดกิจการ (Liquidation)

ผู้พิพากษาลินดา ชาน แห่งศาลสูงฮ่องกงเปิดเผยว่า บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินมูลค่า 2.39 ล้านล้านหยวน (3.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดวิกฤตในตลาดอสังหาริมทรัพย์จีน โดยคำสั่งขายกิจการเอเวอร์แกรนด์อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของจีนแม้ว่าทางการจีนพยายามที่จะสร้างเสถียรภาพในระบบการเงินและตลาดการเงินภายในประเทศก็ตาม

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกลุ่มเจ้าหนี้ในต่างประเทศของไช่า เอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการปรับโครงสร้างหนี้เป็นครั้งที่ 11 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2566 บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงนิวยอร์กของสหรัฐ เพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 15 ของกฎหมายล้มละลาย หลังจากเอเวอร์แกรนด์ประสบปัญหาการผิดนัดชำระหนี้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้วิกฤตหนี้สินภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนลุกลามเป็นวงกว้าง

นับตั้งแต่วิกฤตหนี้สินในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2564 บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งที่มียอดขายบ้านรวมกันในสัดส่วน 40% ของยอดขายบ้านทั้งหมดในจีน ได้เผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเอกชน

สถานะทางการเงินของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนถูกสั่นคลอน หลังจากรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมภาวะร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสกัดการก่อหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน และมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30% ซึ่งการล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์อาจจะส่งผลกระทบลุกลามไปยังบริษัทอื่น ๆ ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และสร้างความเสี่ยงต่อระบบธนาคารของจีน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top