PRINC ปั้น AES CLASS CLINIC รุกตลาดคลินิกความงามกางแผนขยับขึ้นTop 5 ให้ได้ใน 3-5 ปี

นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) กล่าวถึงแผนการดำเนินงานหลังบริษัทรเข้าลงทุนและรีแบรนด์ ผิวดีคลินิกและพงศ์ศักดิ์คลินิก เป็น “AES CLASS Clinic (เอสคลาสคลินิก)” ที่มีความเชี่ยวชาญด้านรักสวยและรักษา โดยมีสาขารวมกันทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดรวม 19 แห่ง ซึ่งมีทำเลที่ตั้งส่วนใหญ่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ทำให้สะดวกแก่การเข้ารับบริการ

“ถือเป็นการรุกธุรกิจเฮลท์แคร์ของ PRINC นอกเหนือจากธุรกิจหลักคือโรงพยาบาล ยังมุ่งให้บริการด้าน Wellness & Aesthetic พร้อมเชื่อมโยงผู้รับบริการของโรงพยาบาลในเครือ เพื่อให้ตอบโจทย์กับแนวโน้มการเติบโตและความต้องการของผู้รับบริการ ที่ปัจจุบันมีการให้ความสำคัญด้านการดูแลสุขภาพ ความงาม ศัลยกรรมความงามแบบครบวงจร เดินทางได้สะดวกและราคาที่เข้าถึงได้ หวังดันสัดส่วนรายได้ธุรกิจดูแลผิวพรรณและเสริมความงาม เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 5-10% ขยับขึ้นอีกเท่าตัว”นพ.กฤตวิทย์ กล่าว

ด้านนายรัตน์นัยน์ เทียมเมฆา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสคลาสคลินิก จำกัด เปิดเผยถึงแผนการเติบโตของธุรกิจในปี 2567 หลังจากการควบรวมระยะแรกเน้นเรื่องการปรับโครงสร้างภายใน เพื่อเพิ่มยอดสาขาเดิมก่อน ส่วนระยะกลางมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว พร้อมทั้งจัดสรรงบ 50 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านเครื่องมือทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์คนไข้และได้รับความนิยมในท้องตลาด โดยมุ่งขยายทางผู้รับบริการกลุ่มกำลังซื้อปานกลางถึงสูง โดยเน้นความเชี่ยวชาญของแบรนด์ ในการมุ่งเป็นคลินิกอันดับ 1 ด้านการยกกระชับผิว ซึ่งในท้องตลาดธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง

“AES CLASS Clinic พร้อมปักธงเป็นผู้นำด้านยกกระชับผิวหน้าและดูแลผิวพรรณติดอันดับ Top 5 จากปัจจุบันอยู่ติด Top 10 ในตลาดคลินิกเสริมความงามไทย ซึ่งมี Market Size รวมกว่า 6 หมื่นล้านบาทและมีการเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี และมีแผนบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคต” นายรัตน์นัยน์ กล่าว

ทั้งนี้ AES CLASS Clinic เกิดจากการควบรวมคลินิกเสริมความงามชั้นนำ 2 แบรนด์ (ผิวดีคลินิกและพงศ์ศักดิ์คลินิก) ด้วยทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และการพัฒนาการให้บริการอยู่อย่างต่อเนื่อง และด้วยฐานลูกค้าที่ครอบคลุม ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล 13 แห่ง และในต่างจังหวัด 7 แห่ง ได้แก่ ชลบุรี 2 แห่ง นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา และนครปฐม อย่างละ 1 แห่ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.พ. 67)

Tags: , , ,
Back to Top