นายกฯ ชมนโยบายกทม.สอดคล้องวิสัยทัศน์รัฐบาล 8 ด้าน ยันไร้ปัญหาทำงานร่วม “ชัชชาติ”

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. รายงานถึงปัญหา และแนวทางพัฒนากรุงเทพฯ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาจราจรที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน เบื้องต้นได้ดำเนินการกวดขันวินัยจราจร ติดตั้งกล้อง CCTV ปรับปรุงจุดคอขวด และงานก่อสร้าง แก้ไขจุดฝืดทั้ง 100 จุด โดยจะทำให้แล้วเสร็จภายในปีนี้

พร้อมทั้งจะหารือกับกรมการขนส่งทางบก และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อทำให้ขนส่งสาธารณะ ครอบคลุม ปรับปรุงรถให้ทันสมัย โดยจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และจะปรับปรุงเพิ่มป้ายรถเมล์ใหม่ แต่เห็นว่าหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหารถติด ไม่ใช่การสร้างถนนเพิ่ม แต่คือการส่งเสริมให้มีระบบขนส่งสาธารณะเพียงพอกับประชาชน ขณะนี้รัฐบาลได้เร่งทำระบบขนส่งให้มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ แต่ทุกรัฐบาลก็ได้ต่อยอดมาตลอด

นอกจากนี้ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก็เป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากมลพิษท่อไอเสีย โดยจะมีมาตรการลดฝุ่นจากควันรถ เข้มงวดตรวจควันดำ ให้รถยนต์เปลี่ยนไส้กรอง รวมถึงมีมาตรการ Work from Home พยามโปรโมทให้หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) รวมถึงลดการใช้รถเก่า ที่ขณะนี้ได้ปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.รถยนต์ แล้ว คาดเดือนมิ.ย. นี้ จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ เพื่อเปลี่ยนแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ ดึงรถเก่าออกจากระบบ ตลอดจนลดการเผา ที่มีการควบคุมในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ แต่ยอมรับว่าการควบคุมกับประเทศเพื่อนบ้านยังเป็นเรื่องที่ยาก และจะพยายามคืนพื้นที่สีเขียว ผ่านโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น

ส่วนเรื่องท่าเรือคลองเตย ที่อยู่ในวาระแห่งชาติเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่นตั้งแต่ปี 62 เป็นเรื่องที่ต้องทบทวนว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่จากตัวอย่างในทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นมหานครต่างๆ เช่น ลอนดอน จะย้ายท่าเรือออกไปอยู่ข้างนอก ซึ่งช่วยควบคุมน้ำทะเลที่หนุนสูงได้อีกด้วย แต่เรื่องนี้คงต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบอีกครั้ง

สำหรับการแก้ปัญหาหาบเร่แผงลอยนั้น กทม. ได้พยายามหาพื้นที่ที่เหมาะสม เช่น พื้นที่ของการรถไฟฯ ริมทางฟุตบาธ เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าได้เข้าไปขายของโดยให้เสียค่าเช่า ขณะที่การพัฒนาเมือง กทม. ได้มีการวางแผนไว้แล้ว รวมถึงการขุดลอกคูคลองกว่า 3,000 กิโลเมตร โดยจะพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้ กทม. จะพยายามกวดขันเรื่องการห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากพบว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ มีเยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าถึง 14% พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีปราบปรามแหล่งจำหน่าย เพื่อควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าด้วย

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับฟังความก้าวหน้าในการเร่งรัดพัฒนากรุงเทพฯ ว่า จากการนำเสนอที่ชัดเจนจากผู้ว่าฯ กทม. ถือว่าสอดคล้องกับนโยบาย 8 ข้อ ที่ได้แถลงวิสัยทัศน์เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) และสิ่งที่ กทม.กำลังดำเนินการอยู่หลายเรื่องนับเป็นเรื่องที่ดีมาก

อย่างไรก็ดี คงปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้จะพยายามกระจายความเจริญไปสู่ต่างจังหวัด แต่กรุงเทพฯ ยังเหมือนเป็นประเทศไทยเล็กๆ ซึ่งวันนี้ ตนมาเยือน กทม.เป็นครั้งแรก และได้ทราบถึงวิสัยทัศน์ และแผนงานทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งมีหลายนโยบายสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ให้ กทม. ประสานกับนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ในการทำงานร่วมกัน เพื่อทำให้การดำเนินงานนั้นรวดเร็วขึ้น หากต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถประสานงานได้ และอยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมพูดคุยในเชิงลึก เช่น การขุดลอกคูคลอง โดยให้พูดคุยกับกองทัพบกให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการจุดไหนบ้าง

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า ยังขาดการสนับสนุนจากหน่วยงานอื่น หรือถึงแม้จะมีการสนับสนุน แต่ก็ยังขาดความรวดเร็ว ดังนั้น ต้องร่วมมือกันเพื่อพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดีขึ้น วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการพบปะพูดคุยกัน เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการมอบหมายงานให้แต่ละส่วนมาพูดคุยกับ กทม. อย่างชัดเจน

สำหรับประเด็นเรื่องจราจร การแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ นั้น นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า มีความพยายามในการบริหารจัดการเรื่องการจราจรได้ดีกว่านี้ได้ ซึ่ง กทม. จะเพิ่มความเข้มงวดในด้านวินัยจราจร และให้ประชาชนมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะมากขึ้น รวมถึงการลดค่าโดยสาร และการทำระบบเชื่อมต่อจากซอยต่างๆ มายังถนนใหญ่ จะมีส่วนช่วยลดความหนาแน่นของการจราจรได้

“แม้สิ่งที่ผู้ว่าฯ กทม. ดำเนินการอยู่นั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่ยังขาดการสื่อสาร ดังนั้นสามารถประสานงานไปยังรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ช่อง NBT และช่อง 9 MCOT ช่วยประชาสัมพันธ์ในสิ่งที่ผู้ว่าฯ กทม.ดำเนินการได้ ตลอดจนการทำรถไฟฟ้าให้ประชาชนเข้าถึงการบริการ และได้ราคาถูก โดยอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการขนส่ง ทำเรื่องนี้ให้ดีขึ้น รวมถึงเรื่องค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนปัญหาแท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์นั้น ถือเป็นปัญหาที่กัดกร่อนการท่องเที่ยวประเทศไทย จึงฝากให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการเรื่องนี้ รวมถึงฝากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แก้ปัญหาไกด์เถื่อน แท็กซี่เถื่อน เพื่อสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าประเทศ จนก้าวสุดท้ายก่อนออกนอกประเทศ

ในส่วนของการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มีปัญหาทุกปี และสิ่งที่ผู้ว่าฯ กทม. ออกมาตรการ Work From Home ถือเป็นเรื่องที่ดีสามารถช่วยลดปริมาณฝุ่นได้ ส่วนปัญหาฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น ตนได้โทรศัพท์สายตรงไปยังผู้นำในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว และจะพยายามทำให้คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น มีอากาศที่สะอาดขึ้น

สำหรับเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และต้องจัดการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และต้องมีการเข้มงวดเรื่องการนำเข้า ถือเป็นหน้าที่ของกรมศุลกากร ที่ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจข้นมากขึ้น

สำหรับข้อเสนอจาก กทม. ในการย้ายท่าเรือคลองเตยนั้น รัฐบาลจะไปพิจารณาว่าจำเป็นย้ายออกหรือไม่ โดยยอมรับว่า ต้องคำนึงถึงเรื่องการขนส่ง ที่เป็นฐานการส่งออกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ซึ่งต้องพิจารณาให้ครบทั้งองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เฟส 2 และเฟส 3 โดยต้องไม่ให้มีผลกระทบกับส่งออก

นายกรัฐมนตรี ด้วยว่า ในช่วง 4 ปีของรัฐบาลนี้ อยากเห็นการพัฒนาในหลายมิติ ทั้งเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย การแก้ปัญหา PM 2.5 การทำให้คุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ หาบเร่แผงลอย และทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ พร้อมกับยืนยันว่า สามารถทำงานร่วมกับผู้ว่าฯ กทม. ได้เป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาอะไรกัน และมีการพูดคุยตลอดเวลา สามารถยกหูต่อสายตรงได้ตลอด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.พ. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top