อย่างที่ทุกท่านทราบว่าสินทรัพย์อย่าง “บิทคอยน์” มีจำนวนจำกัด เพียงแค่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น และแน่นอนเมื่อกองทุน Bitcoin SPOT ETF ได้รับการอนุมัติ เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาก็ทำให้บริษัทจัดการการลงทุนเหล่านี้ต้องทำรายการซื้อทันที
โดยบริษัทจัดการกองทุนที่ถือ Bitcoin SPOT ETF มากที่สุดก็คือ BlackRock เจ้าใหญ่ คนดีคนเดิม ภาตใต้ชื่อย่อกองทุน IBIT ที่ตั้งแต่สำนักงาน SEC สหรัฐ ได้ทำการอนุมัติเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ก็ลุยซื้อบิทคอยน์เก็บไปแล้วกว่า 197,943 BTC และด้วยแรงซื้ออย่างต่อเนื่องจากฝั่งสถาบันก็ทำให้ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ยืนเหนือ 70,000 ดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ถ้าเราจำกันได้ เจ้ามือที่ถือครองบิทคอยน์เยอะไม่แพ้กันอีกเจ้า ก็คือ MicroStrategy ที่นำโดยพ่อใหญ่ Michael Saylor ที่ถือบิทคอยน์อยู่กว่า 193,000 BTC แถมอยู่ระหว่างการออกหุ้นกู้ระดมเงินมาซื้อบิทคอยน์เพิ่มอีก และกลยุทธ์นี้เองที่ทำให้ราคาหุ้นของ MicroStrategy เทียบ YoY ปรับขึ้นกว่า 642% เลยทีเดียว
งานนี้เหมือนขิงกันไปมาไม่หยุด เมื่ออยู่ดี ๆ MicroStrategy ก็ได้ทำการซื้อบิทคอยน์เพิ่มอีก 12,000 BTC ในราคา 68,477 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ รวมถือครองทั้งหมด 205,000 BTC ขึ้นแท่นเป็นผู้ที่ถทอครองบิทคอยน์มากที่สุดในโลก
งานนี้ไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายแล้วใครจะได้ถือครองบิทคอยน์เยอะมากที่สุดกันแน่?
มาดูข่าวสำหรับแฟน ๆ ETH กันบ้าง วันที่ 13 มี.ค. นี้ทาง ETH Foundation ได้มีการ upgrade ใหญ่ ทีมีชื่อเรียกว่า “Dencun” หรือ EIP-4844 ที่จะช่วยลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบน Layer 2 เหลือ 0.01 ดอลลาร์ และแน่นอนว่าการลดลงของค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ก็ดึงดูดผู้ใช้งานด้วย แถมยังส่งผลเชิงบวก ต่อเหรียญ Layer 2 มากมายเลยฃ
ใครที่ถือเหรียญไหนไว้หลังจาก upgrade แล้ว อาจจะราคาพุ่งก็ได้
ท่ามกลางตลาดกระทิงที่เขียวขจี ราคาเหรียญแตะ All Time High กันรัว ๆ ทาง Binance ในฐานะที่เป้น Exchange อันดับหนึ่งก็ได้เผยแพร่ Proof-of-Reserve เมื่อวันที่ 1 มีนาคม เหมือนเป็นรายงานว่า Binance ถือเหรียญอะไร ไว้จำนวนเท่าไหร่บ้าง
โดยมีการถือครอง Bitcoin ของผู้ใช้งานอยู่ที่ 562,690 BTC ซึ่งลดลง 31,998 BTC เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ถือครอง Ethereum (ETH) ของผู้ใช้งานอยู่ที่ 3,982,811 ล้าน ETH ซึ่งลดลงกว่า 180,000 ETH และถือครองเหรียญ Tether หรือ ( USDT) ของผู้ใช้งาน อยู่ที่ประมาณ 19,527 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วกว่า 1,710 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
และด้วยเหตุการณ์นี้เอง ก็ส่งผลให้ราคาเหรียญ BNB ดีดตัวพุ่งกว่า 62% ภายในเดือนเดียว ทำราคาสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 489.50 ดอลลาร์ ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับนักลงทุน ก็ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้เห็นเหรียญ BNB พุ่งขึ้นมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว แต่นี่มันตลาดกระทิง อะไรก็เกิดขึ้นได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 67)
Tags: Cryptocurrency, CryptoShot, SCOOP, คริปโทเคอร์เรนซี, สินทรัพย์ดิจิทัล