คกก.สอบวินัย เล็งเรียก “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมพวกรับทราบข้อกล่าวหาภายใน 7 พ.ค.

พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน ทำผิดวินัยร้ายแรงจนถูกออกจากราชการไว้ก่อน เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมนัดแรกเพื่อวางกรอบและแนวทางการสอบสวน ซึ่งจะมีการทำหนังสือแจ้งผู้ถูกกล่าวหา ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามที่เคยถูกแจ้งข้อกล่าวหากับคณะกรรมการฯ ภายในวันที่ 7 พ.ค.นี้ จากนั้นคณะกรรมการฯ จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดภายใน 60 วัน หลังจากแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งกรอบระยะเวลาทั้งหมด รวมการขอขยายเวลาอยู่ที่ 270 วัน หรือประมาณ 8 เดือน

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่งหนังสือให้ตรวจสอบคณะกรรมการฯ ชุดนี้ พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า การคัดค้านคำสั่งจะต้องไปดูกฎของ ก.ตร.ว่าด้วยเรื่องคุณสมบัติเข้าองค์ประกอบที่จะเปลี่ยนตัวหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดคุยกัน ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารถทำได้ แต่ขึ้นอยู่ดุลยพินิจของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) หากมองว่าไม่กระทบก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวกรรมการ

ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อ้างว่าคณะกรรมการฯ ชุดนี้ไม่เคยเรียกสอบเลยนั้น เพราะคดีนี้มีทั้งโทษวินัยและอาญา ตนมีหน้าที่สอบสวนทางวินัย ถือว่าคณะของตนเองต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ หรือเริ่มทำการสอบสวนใหม่ทั้งหมดที่จะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาแบบ 100% จึงจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ก่อนจะนำไปวินิจฉัยว่าถูกหรือผิด

สำหรับในการประชุม ก.ตร.วันพรุ่งนี้ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน คาดว่ายังไม่มีการหยิบประเด็นนี้ไปพูดคุย ซึ่งต้องไปดูในกฎระเบียบของ ก.ตร.ว่าวิธีการปฏิบัติการรายงานเป็นอย่างไร ส่วนการสอบสวนของคณะกรรมการชุดนี้ไม่แล้วเสร็จทันก่อนที่ตนเองจะเกษียณก็เป็นหน้าที่ของประธานคณะกรรมการฯ คนต่อไป ซึ่งใครที่มารับช่วงต่อก็เชื่อว่าจะสามารถทำงานได้อย่างสบายใจ

หากการสอบยังไม่แล้วเสร็จ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเป็นแคนดิเดท ผบ.ตร.อยู่หรือไม่ เป็นคำถามที่ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะตอนนี้ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่ตราบใดที่ผลการสอบสวนยังไม่ถึงที่สิ้นสุดก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ การออกจากราชการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังไม่ 100% แต่หากผลสอบสมบูรณ์ออกมาเมื่อไหร่ก็เท่ากับว่าไม่มีสิทธิ์เป็นแคนดิเดท ผบ.ตร.

พล.ต.อ.สราวุฒิ ยืนยันว่า การสอบสวนคดีนี้ไม่มีใครสามารถมาชี้นำคณะของตนได้ การที่ รรท.ผบ.ตร.เลือกให้ตนมาเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้น่าจะเห็นว่าเป็นคนกลาง พร้อมย้ำว่าไม่หนักใจ ไม่หนักใจในการสอบสวนเรื่องนี้ เพราะอยู่ภายใต้กรอบระเบียบของกฎหมาย ส่วนจะแล้วเสร็จเร็วหรือช้าไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 เม.ย. 67)

Tags: , ,
Back to Top