จีนเผยมลพิษทางอากาศลดหลังออกมาตรการควบคุมช่วงฤดูหนาว

ศูนย์เพื่อการวิจัยพลังงานและอากาศสะอาดจีน (CREA) เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ในวันนี้ (30 เม.ย.) ระบุว่าการที่จีนกลับมาใช้แผนปฏิบัติการด้านมลพิษอีกครั้งในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาได้ช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศของประเทศ

รายงานระบุว่า ระดับของฝุ่น PM2.5 ปรับตัวลดลง 1.6% ในช่วงฤดูหนาวเดือนต.ค. 2566 – มี.ค. 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หลังระดับของฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวเดือนต.ค. 2565 – มี.ค. 2566 เนื่องจากในเวลานั้นรัฐบาลจีนไม่ได้ใช้แผนปฏิบัติการช่วงฤดูหนาวประจำปีเพราะต้องรับมือกับการสิ้นสุดลงของการควบคุมโรคโควิด-19 ระบาด

อย่างไรก็ตาม นางชิว เฉิงเฉิง นักวิเคราะห์ของ CREA ระบุในรายงานฉบับดังกล่าวว่า เมืองในกลุ่มเป้าหมายครึ่งหนึ่งไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดระดับฝุ่น PM2.5 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 (ต.ค.-ธ.ค.) ขณะที่ 41% ของเมืองในกลุ่มเป้าหมายไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดระดับฝุ่น PM2.5 ได้ในไตรมาสแรกของปี 2567 (ม.ค.-มี.ค.)

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนต่อสู้กับมลพิษทางอากาศนับตั้งแต่กลายเป็นมหาอำนาจทางอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลจีนต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์ด้านสุขภาพและสังคมจากอากาศสะอาดกับการกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจซึ่งส่งเสริมอำนาจการปกครองของรัฐบาลจีน แม้จีนรับมือปัญหามลพิษทางอากาศได้เป็นอย่างดีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ความคืบหน้าดังกล่าวกลับมีอันต้องหยุดชะงักในปี 2566 เนื่องจากทางการจีนหันมามุ่งความสนใจไปที่การพยุงเศรษฐกิจประเทศ

จีนเริ่มออกแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศครั้งแรกในปี 2560 เนื่องจากโดยปกติแล้วคุณภาพอากาศมักย่ำแย่ลงในช่วงเดือนที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นเพราะมีการเผาถ่านหินมากเป็นพิเศษเพื่อสร้างความอบอุ่นภายในบ้านและอาคารสำนักงาน โดยปกติแล้วแผนปฏิบัติการดังกล่าวจะกำหนดเมืองเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง รวมถึงออกนโยบายสำหรับอุตสาหกรรมและพลังงานบางภาคส่วน

รัฐบาลจีนได้ระงับการออกแผนปฏิบัติการสำหรับช่วงฤดูหนาวเดือนต.ค. 2565 – มี.ค. 2566 และรอจนถึงเดือนธ.ค. 2566 ถึงค่อยออกแผนปฏิบัติการอีกครั้ง ซึ่งปกติแล้วรัฐบาลจีนจะออกแผนปฏิบัติการประจำปีตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงของแต่ละปี ด้วยเหตุนี้ ระดับของฝุ่น PM2.5 ของจีนจึงเพิ่มขึ้น 0.9% ในไตรมาส 4/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี ก่อนจะปรับลดลง 3.6% ในไตรมาส 1/2567

ลง 1.6% ในช่วงฤดูหนาวปี 2566-2567 (ต.ค.-มี.ค.) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หลังระดับของฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวปี 2565-2566 เนื่องจากในเวลานั้นรัฐบาลจีนไม่ได้ใช้แผนปฏิบัติการช่วงฤดูหนาวประจำปีเพราะต้องรับมือกับการสิ้นสุดลงของการควบคุมโรคโควิด-19 ระบาด

อย่างไรก็ตาม นางชิว เฉิงเฉิง นักวิเคราะห์ของ CREA ระบุในรายงานฉบับดังกล่าวว่า เมืองในกลุ่มเป้าหมายครึ่งหนึ่งไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดระดับฝุ่น PM2.5 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 (ต.ค.-ธ.ค.) ขณะที่ 41% ของเมืองในกลุ่มเป้าหมายไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดระดับฝุ่น PM2.5 ได้ในไตรมาสแรกของปี 2567 (ม.ค.-มี.ค.)

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนต่อสู้กับมลพิษทางอากาศนับตั้งแต่กลายเป็นมหาอำนาจทางอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลจีนต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์ด้านสุขภาพและสังคมจากอากาศสะอาดกับการกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจซึ่งส่งเสริมอำนาจการปกครองของรัฐบาลจีน แม้จีนรับมือปัญหามลพิษทางอากาศได้เป็นอย่างดีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ความคืบหน้าดังกล่าวกลับมีอันต้องหยุดชะงักในปี 2566 เนื่องจากทางการจีนหันมามุ่งความสนใจไปที่การพยุงเศรษฐกิจประเทศ

จีนเริ่มออกแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศครั้งแรกในปี 2560 เนื่องจากโดยปกติแล้วคุณภาพอากาศมักย่ำแย่ลงในช่วงเดือนที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นเพราะมีการเผาถ่านหินมากเป็นพิเศษเพื่อสร้างความอบอุ่นภายในบ้านและอาคารสำนักงาน โดยปกติแล้วแผนปฏิบัติการดังกล่าวจะกำหนดเมืองเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง รวมถึงออกนโยบายสำหรับอุตสาหกรรมและพลังงานบางภาคส่วน

รัฐบาลจีนได้ระงับการออกแผนปฏิบัติการสำหรับช่วงฤดูหนาวปี 2565-2566 และรอจนถึงเดือนธ.ค.ปีที่แล้วถึงค่อยออกแผนปฏิบัติการอีกครั้ง ซึ่งปกติแล้วรัฐบาลจีนจะออกแผนปฏิบัติการประจำปีตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงของแต่ละปี ด้วยเหตุนี้ ระดับของฝุ่น PM2.5 ของจีนจึงเพิ่มขึ้น 0.9% ในไตรมาส 4/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี ก่อนจะปรับลดลง 3.6% ในไตรมาส 1/2567

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 67)

Tags: , ,
Back to Top