“เพื่อไทย” ลั่นได้เห็นแน่! รถไฟฟ้า 20 บาททุกสาย ภายในปี 68

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ และความคืบหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ว่า เป็นวิสัยทัศน์ของพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ปี 2549 เพราะการเข้าถึงขนส่งสาธารณะ เป็นสวัสดิการพื้นฐานของประชาชน วันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม จะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่

โดยทันทีที่เป็นรัฐบาลไม่ถึง 1 เดือนที่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่ง วันที่ 16 ต.ค. 66 รถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีแดง และสายสีม่วง ปรับลดค่าโดยสารลงมาที่ราคา 20 บาทได้สำเร็จ โดยหลังจากลดค่าโดยสารลงแล้ว ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารสายสีแดงเพิ่มขึ้น 26.62% สายสีม่วงเพิ่มขึ้น 14.43%

จากนั้น กระทรวงคมนาคม กางแผนโร้ดแมปเพื่อดำเนินการให้รถไฟฟ้าทุกเส้นทาง คิดค่าบริการตลอดเส้นทาง ‘20 บาท’ ภายในปี 2568 ผ่านร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ… หรือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมร่าง พ.ร.บ.รายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็น รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและอื่นๆ โดยสำนักงานขนส่งและนโยบายและแผนการจราจร (สนข.) ดำเนินการ จากราคารถไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 107 บาท หาก พ.ร.บ.ตั๋วร่วมสำเร็จ ประชาชนจะจ่ายเพียง 20 บาท ผ่านการมีกองทุนที่สะสมรายได้จากส่วนอื่นๆ มาชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารแทนประชาชน

“ไม่มีพรรคการเมืองใด ที่เสนอทำราคารถไฟฟ้าให้เหมาะสมกับรายได้ เป็นสวัสดิการของประชาชนอย่างแท้จริง รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คือความกล้าหาญของพรรคเพื่อไทย ที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อพี่น้องประชาชน เป็นการจัดการระบบการเดินทาง ที่มีสัมปทานหลายเจ้าครั้งใหญ่ อะไรที่เคยติดขัด เป็นอุปสรรค จะถูกคลี่คลาย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน” น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า ภายในปี 68 ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกสาย, พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ต้องสำเร็จ, ลดราคาค่าทางด่วนลง, รถเมล์ EV ปรับอากาศ ต้องสำเร็จ เป้าหมายใหญ่ คือ เพิ่มการเข้าถึงขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถส่วนตัว ลดปริมาณรถบนถนน แก้ปัญหารถติด แก้ปัญหาฝุ่น ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และสามารถเปิดให้ขยายทางสัญจรทางเท้า ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เดินได้ เมืองที่เป็นมิตรกับคนทุกกลุ่มมากขึ้น และเพื่อยกระดับขนส่งสาธารณะ ให้เป็นการบริการสาธารณะอย่างแท้จริง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top