“อินวิเดีย” โชว์กำไรสูงกว่าคาดใน Q1/68 หนุนหุ้นพุ่งเหนือ $1,000 เป็นครั้งแรก

บริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2568 ส่งผลให้ราคาหุ้นอินวิเดียทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ (23 พ.ค.)

อินวิเดียระบุว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2568 อยู่ที่ 6.12 ดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์ของแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.59 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 2.604 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.465 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ อินวิเดียคาดการณ์ว่า ยอดขายในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2568 จะอยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.661 หมื่นล้านดอลลาร์

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดแสดงให้เห็นว่าความต้องการชิป AI ที่พัฒนาโดยอินวิเดียยังคงแข็งแกร่งมาก และเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นอินวิเดียพุ่งขึ้น 7% แตะระดับสูงกว่า 1,000 ดอลลาร์ ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ ส่วนในการซื้อขายเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) หุ้นอินวิเดียขยับลง 0.46% ปิดตลาดที่ระดับ 949.50 ดอลลาร์

นายเจนเซน หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของอินวิเดียคาดการณ์ว่า ในปีนี้บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก “Blackwell” ซึ่งเป็นชิป AI รุ่นใหม่ โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่านายหวงยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มของบริษัท หลังจากที่เขากล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า “เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว อินวิเดียมั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 และคาดว่าความต้องการหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูง”

ในช่วงกลางเดือนมี.ค.ปีนี้ อินวิเดียประกาศเปิดตัวชิป AI รุ่นใหม่ในงาน “GTC 2024” รวมทั้งเปิดตัวซอฟต์แวร์สำหรับโมเดลต่าง ๆ ที่ใช้เทคโนโลยี AI โดยมีเป้าหมายที่จะรั้งตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรม AI

ในงานดังกล่าว อินวิเดียได้เปิดตัวชิปประมวลผลกราฟิก AI รุ่นแรกในตระกูล Blackwell ซึ่งมีชื่อว่า B200 และจะทำการจัดส่งภายในปีนี้ โดยชิปรุ่นนี้สามารถประมวลผลเร็วขึ้นถึง 30 เท่าเมื่อใช้ในงานด้านต่าง ๆ เช่น การตอบคำถามของแชตบอต ส่วนเครื่องมือซอต์แวร์รุ่นใหม่ซึ่งมีชื่อว่า “Microservices” จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการใช้งานเป็นวงกว้าง อีกทั้งจะทำให้บรรดาธุรกิจสามารถนำโมเดล AI มาใช้ในงานด้านต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย

อินวิเดียเปิดเผยว่า ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ซึ่งรวมถึงอะเมซอนดอตคอม, กูเกิลซึ่งเป็นบริษัทลูกของอัลฟาเบท, โอเพนเอไอซึ่งเป็นบริษัทภายใต้การสนับสนุนของไมโครซอฟท์ และออราเคิล มีแนวโน้มที่จะใช้ชิปรุ่นใหม่นี้ในการให้บริการคลาวด์คอมพิวติงและบริการด้าน AI ที่บริษัทเหล่านี้กำลังให้บริการอยู่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top