“เทสลา” หนุนซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนนอกจีน-ไต้หวัน เลี่ยงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์

บริษัทเทสลาได้แจ้งให้บรรดาซัพพลายเออร์เริ่มผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เทสลานอกเขตแดนจีนและไต้หวันอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น

หนังสือพิมพ์นิกเกอิ เอเชีย รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากซัพพลายเออร์ของเทสลาจำนวน 6 รายซึ่งเปิดเผยว่า ซัพพลายเออร์ที่ผลิตส่วนประกอบรถยนต์เช่น แผนวงจรควบคุม (PCB), จอแสดงผล และระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้งานในรถยนต์เทสลาที่จำหน่ายนอกประเทศจีนนั้น ได้รับคำร้องดังกล่าวจากบริษัทเทสลา

แหล่งข่าวระบุว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวให้เหตุผลเกี่ยวกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ในจีนแผ่นดินใหญ่และจีนโพ้นทะเล (Greater China) ที่กำลังร้อนระอุขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และเสริมว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อการสร้างแหล่งซัพพลายทางเลือกนอกตลาดจีน เพื่อป้องกันปัญหาห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก

ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากซัพพลายเออร์ในไต้หวันระบุว่า “เราได้รับคำร้องจากเทสลาว่า พวกเขาคาดหวังว่าจะมีส่วนประกอบที่ผลิตจากนอกเขตแดนจีนและไต้หวัน โดยพวกเขาหวังว่าข้อเสนอดังกล่าวจะเป็นจริงได้ผ่านโครงการใหม่ ๆ ในปีหน้า”

นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า เทสลายังหารือในประเด็นดังกล่าวกับซัพพลายเออร์ในเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศที่อื่น ๆ โดยผู้บริหารรายหนึ่งของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นกล่าวกับนิกเกอิ เอเชียว่า บริษัทของเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เทสลาหารือด้วย ขณะที่ผู้บริหารจากซัพพลายเออร์ส่วนประกอบรายอื่นกล่าวว่า บริษัทของเขากำลังเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศไทยเนื่องจากการร้องขอของเทสลา

รายงานล่าสุดระบุว่า กองทัพไต้หวันกระจายกำลังทหารรอบเกาะไต้หวัน พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถปกป้องเกาะไต้หวันเอาไว้ได้ หลังจากจีนได้เริ่มเปิดปฏิบัติการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันในวันนี้ (23 พ.ค.) ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาซ้อมรบทั้งสิ้น 2 วัน เพื่อตอบสนองต่อการกระทำของไต้หวันที่จีนระบุว่าเป็นการ “แบ่งแยกดินแดน”

จีนซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน ได้ประณามการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันของนายไล่ ชิงเต๋อ เมื่อวันจันทร์ (20 พ.ค.) หลังจากนายไล่ได้เรียกร้องให้จีนหยุดการคุกคามไต้หวัน โดยนายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาตอบโต้การกล่าวสุนทรพจน์ของนายไล่ว่า เป็นการกระทำที่น่าอัปยศอดสู

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ค. 67)

Tags:
Back to Top